3 กันยายน 2563

[Review] HellSinker นี่มันเกมยานยิงระดับเทพชัดๆ !


HellSinker เป็นเกมแนวยานยิง Shoot 'em up / Shmup สไตล์ Bullet Hell จากผู้พัฒนาคนเดียว Ruminant's Whimper หรือ Tonnor ที่เปิดวางขายในงาน Comiket 72 มาตั้งแต่ปี 2007 ล่าสุดทาง Henteko Doujin ได้ลิขสิทธิ์นำมาวางจำหน่ายทั่วโลกบน Steam ในปี 2019 ที่ผ่านมา ซึ่งความเจ๋งของเกมนี้อยู่ที่งานดีไซน์โดยรวมและระบบต่างๆ ที่ให้ความรู้สึกแตกต่างจากทุกเกมในแนวเดียวกันที่เคยออกมาแทบทั้งหมด เรียกได้ว่าจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีเกมไหนที่ให้ประสบการณ์ในการเล่นแบบเดียวกับเกมนี้ได้เลย ด้วยความเจ๋งมากขนาดนี้ เราเลยหยิบมารีวิวอย่างไม่ลังเล

กราฟิกและการนำเสนอ

ตัวเกมมีธีมออกไปในแนว Sci-fi กึ่งๆ แฟนตาซี ที่ให้อารมณ์ทันสมัย แต่ก็ดูเก่าแก่ไปพร้อมๆ กัน ด้านกราฟิกของเกมนี้จะคล้ายคลึงกับ Touhou คือ เป็นฉากแบบ 3 มิติที่ผสมกับภาพตัวละครและศัตรูต่างๆ ในแบบ 2 มิติ ที่มีความสวยงามและลงตัว สิ่งที่สะดุดตาก็คือ การออกแบบมุมกล้องและ Scrolling ของฉากต่างๆ ที่ถ่ายทอดออกมาให้ความรู้สึกในแบบ Sense of Speed ทำให้เห็นแล้วรับรู้ได้ถึงการต่อสู้ที่มีความรวดเร็วอย่างมาก
 

ตัวละคร

สำหรับระบบตัวละครในเกมนี้ต้องบอกเลยว่าค่อนข้างเป็นจุดเด่นและแตกต่างจากเกมอื่นเลยก็ว่าได้ครับ โดยปกติแล้วในเกมแนวนี้ทั่วไป การเลือกตัวละครจะมีความแตกต่างเฉพาะเพียงรูปแบบของกระสุนที่ถูกยิงออกมาเท่านั้น เช่น ตัวนี้จะยิงเป็นเส้นตรง อีกตัวยิงกระจายหลายทิศทาง เป็นต้น แต่สำหรับเกมนี้ทางผู้พัฒนาได้หยิบเอาระบบตัวละครแบบเดียวกับในเกมไฟติ้งและ MOBA มาใช้ด้วยครับ กล่าวคือ ตัวละครในเกมนี้ทุกตัวจะมีกลไกของมันชัดเจนเลยว่าออกแบบมาให้เล่นในรูปแบบไหน ซึ่งผู้เล่นจำเป็นต้องศึกษารูปแบบการเล่นและเทคนิคต่างๆ ของตัวละครนั้นๆ เพื่อที่จะดึง "ความสามารถ" ของตัวละครนั้นๆ ออกมาใช้ประโยคให้ได้สูงที่สุด แน่นอนว่าระบบดังกล่าวทำให้แต่ละตัวมีความยาก-ง่ายในการเล่นที่แตกต่างกันไปอีกด้วย บางตัวเล่นยากต้องใช้เวลาทำความเข้าใจกิมมิคของมันพอสมควรถึงจะเล่นเป็น แต่บางตัวก็เล่นง่ายมากจนแทบไม่ต้องเพิ่งเทคนิคใดๆ เลยก็มี งานนี้ใครที่คิดว่าเกมนี้ตัวละครมีความแตกต่างเพียงแค่รูปแบบกระสุนเหมือนเกมอื่นๆ ล่ะก็ ขอให้คิดใหม่ได้เลยนะครับเมื่อมาเล่นเกมนี้

โดยตัวละครในเกมนี้จะมีให้เลือกใช้งานได้ทั้งหมด 4 ตัวด้วยกันคือ
DEAD LIAR (สามารถเลือกรูปแบบของ Subweapon ได้ 2 แบบ โดยการกดปุ่ม Pause)
FOSSIL MAIDEN
MINO GAME
KAGURA *ต้องปลดล็อคโดยการเล่นจบด่านที่ 4 แบบไม่ใช้คอนทินิว* (สามารถเลือกรูปแบบอาวุธได้ 4 แบบ โดยการกดปุ่ม Pause)
 

ความยากไม่เน้น เน้นรายละเอียดของระบบเกม

สำหรับเกมเพลย์จะเป็นเกมยานยิงตะลุยด่านแบบแนวตั้งหรือมุมมองด้านบน ที่ต้องทำคือการควบคุมตัวละครไปทิศทางต่างๆ เพื่อหลบการโจมตีพร้อมกับโจมตีศัตรูไปด้วยเหมือนกับเกมแนวนี้ทั่วไป แต่สิ่งที่ทำให้ผมมองว่าจุดประสงค์หลักของเกมนี้ไม่ใช่การหลบกระสุนเพื่อเอาตัวรอดที่จะค่อยๆ ยากขึ้นเรื่อยๆ แบบเกมอื่นในแนวเดียวกัน แต่เป็นเกมที่เน้นระบบการทำคะแนนอย่างมาก (คะแนนในเกมนี้จะเรียกว่า "Spirit") ซึ่งการที่ผู้เล่นจะทำคะแนนให้ได้สูงๆ ในเกมนี้จำเป็นอย่างมากที่จะต้องศึกษาระบบต่างๆ อย่างรายละเอียดจากคู่มือที่แถมมากับตัวเกม ซึ่งก็ค่อนข้างซับซ้อนในระดับหนึ่ง แต่เมื่อศึกษาและลองฝึกซ้อมบ่อยๆ จนเริ่มใช้ประโยคจากแมคคานิคของเกมได้คล่องแล้ว ผู้เล่นก็จะสามารถเข้าถึงความสนุกที่แท้จริงจากการเก็บคะแนนได้เยอะๆ เป็นอย่างดี

ส่วนในด้านความยากของเกมโดยรวมถือว่าค่อนข้างสูง แต่ก็ไม่ได้ยากนรกแตกแบบเกม Touhou ในระดับ Lunatic ซึ่งความยากของเกมนี้หลักๆ แล้ว จะอยู่ที่ความเร็วของกระสุนที่พุ่งมาค่อนข้างเร็ว ซึ่้งผู้เล่นต้องมีสติและการตอบสนองที่รวดเร็วจริงๆ กับในส่วนของการควบคุมตัวละครที่ผู้เล่นจำเป็นต้องรู้แนวทางการเล่นของตัวนั้นๆ ถึงจะอยู่รอดไปได้จนจบเกม จากที่ลองเล่นมาตั้งแต่ด่านแรกจนถึงด่านสุดท้าย (รวมถึงโหมด Extra Stage อีก 2 ด่าน) พบว่าความยากในแต่ละด่านไม่ค่อยแตกต่างกันมากเท่าไหร่นัก หากสามารถจดจำแพทเทิร์นและเทคนิคในแต่ละช่วงได้หมด ก็ไม่มีอะไรที่ยากอีกต่อไปแล้วครับ นอกจากนี้ในแต่ละด่านยังมีความลับมากมายให้ได้ค้นหากันอีกด้วย
 

ระบบการตายของเกมนี้จะเป็นแบบโดนครั้งเดียวแล้วตายทันที (1-Hit Death) ในแต่ละเกมจะมีพลังชีวิตเริ่มต้นให้ 4 ตัว และสะสมเพิ่มได้สูงสุด 5-7 ตัว ขึ้นอยู่กับการตั้งค่าของผู้เล่นว่าจะให้สะสมได้สูงสุดเท่าไหร่ (ค่าเริ่มต้นอยู่ที่ 6 ตัว) นอกจากนี้หากตายจนพลังชีวิตหมดก็ยังสามารถใช้คอนทินิวเพื่อลุยต่อได้ แต่อาจจะทำให้บางฉากในด่านต่อไป ถูกตัดออกไป เพื่อลดความยากของเกมลง และหากหลังจากจบด่าน Shrine of Farewell ไปแล้วยังตายจนตัวหมดอีก ก็จะ Gameover ทันทีแบบไม่อาจโต้แย้งได้

อีกสิ่งหนึ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือเพลงประกอบเกม โดยเพลงในเกมนี้จะมาในแนวอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งทุกเพลงนั้นล้วนแต่ไพเราะ และช่วยสร้างอารมณ์ร่วมได้อย่างมาก โดยเฉพาะในด่านท้ายๆ ที่ยิ่งใกล้จุดไคลแมกซ์ของเกมมากเท่าไหร่ เพลงก็ยิ่งให้อารมณ์ที่พีคมากขึ้นเรื่อยๆ รับรองว่าฟังแล้วติดหูแน่นอน ที่สำคัญถ้าใครติดใจเพลงในเกมนี้ ยังสามารถซื้อตัว DLC เสริมมาอัพเกรดคุณภาพเสียงดนตรีให้กลายเป็นระดับ HD ได้อีกด้วยนะ

ด่านต่างๆ ("Segment") ในเกมจะมีทั้งหมด 8 ด่าน กับด่านพิเศษที่ชื่อว่า Shrine of Farewell อีกหนึ่งด่าน โดยหากค่า Terra ที่มุมซ้ายล่างของจอลดลงจนหมดเมื่อไหร่ ด่านต่อไปก็จะเป็น Shrine of Farewell อย่างแน่นอน โดยในฉากนี้จะเป็นฉากรวมบอส ซึ่งผู้เล่นจะต้องเอาชนะบอสให้ได้ทั้ง 4 ตัวเพื่อเคลียร์ด่าน โดยก่อนเริ่มการต่อสู้ผู้เล่นสามารถเลือกลำดับการปรากฏตัวของบอสได้ตามสัญลักษณ์บนการ์ดที่เลือก และยังมีความพิเศษคือ เมื่อเข้ามาในด่านนี้ คะแนนหรือ Spirit ทั้งหมดที่เก็บมาได้จะถูกล้างออก แต่จะถูกแปลงกลับมาเป็นไอเทม "คริสตัล" ที่ตกมาให้เก็บหลังจบด่านแทน และพลังชีวิตในด่านนี้จะไม่มีวันหมด แต่หากตายบ่อยๆ จะทำให้จำนวนคริสตัลที่สะสมระหว่างต่อสู้ลดลงนะครับ


นอกจากนี้หากผู้เล่นสามารถปราบบอสสุดท้ายในร่างจริงได้ (TLB) ก็จะสามารถปลดล็อคโหมด Extra Stage ออกมาเล่นได้อีกด้วย

กิมมิคและลูกเล่นเล็กๆ น้อยๆ ที่ให้ประสบการณ์แปลกใหม่และแตกต่างจากเกมอื่น

จุดเด่นอีกอย่างของเกมนี้ก็คือการที่ทางผู้พัฒนาได้ใส่กิมมิคและลูกเล่นเล็กๆ น้อยๆ เข้าไป เช่น การเลือกตัวละครในเกมนี้จะให้เลือกกันตั้งแต่หน้าเมนูหลักโดยตรงเลย ซึ่งจะต่างจากเกมอื่นๆ ที่ให้เลือกตัวละครหลังจากเลือกโหมดการเล่นไปแล้ว หรือ หลังจากเล่นจบในแต่ละด่านแล้วตัวเกมจะมีการถามผู้เล่นด้วยว่า จะลุยต่อ (Go on) หรือ ล้มเลิกภารกิจ (Break) แต่มันมีกิมมิคเล็กๆ ตรงที่ผู้เล่นจะต้องกดปุ่มซ้ายหรือขวาค้างไว้เพื่อเลือกคำตอบ แล้วตามด้วยปุ่มยืนยันคำตอบ นี่ยังไม่นับรวมถึงดีไซน์วิชวลและแพทเทิร์นของศัตรูต่างๆ ที่มีความสร้างสรรค์อีกด้วย ทำให้ประสบการณ์ที่ได้รับจากการเล่นเกมนี้จะรู้สึกแปลกใหม่และแตกต่างจากเกมอื่นอย่างมาก ซึ่งใครที่อยากรู้ว่าจะมีลูกเล่นและความลับอะไรอีกบ้างนอกจากนี้ก็คงต้องลองเข้าไปเล่นเอาเองแล้วละครับ รับรองว่าเซอร์ไพร์แน่ๆ
 

สรุปแล้ว

เป็นเกมยานยิงแบบ Old school ที่แต่ละตัวละครมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน เกมเพลย์ก็รวดเร็วมากๆ การต่อสู้เป็นแบบ 2D มุมบน ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเกมยานยิงจากฝั่งญี่ปุ่น ในเรื่องความยาก คิดว่าขึ้นอยู่กับตัวละครที่ผู้เล่นเลือกมากกว่า เพราะแต่ละตัวเล่นยาก-ง่ายไม่เหมือนกัน ใครอยากเล่นแบบง่ายๆ หรืออยากจะลองเทคนิคแปลกๆ ก็แล้วแต่จะจัดกัน รายละเอียดปลีกย่อยของระบบและความลับต่างๆ ที่ชวนให้กลับมาเล่นซ้ำได้เรื่อยๆ งานดีไซน์โดยรวมของเกมและลูกเล่นเล็กๆ น้อยๆ ที่ให้ความรู้สึกแปลกใหม่สุดๆ รวมไปถึงเพลงประกอบที่ยิ่งเล่นไปไกลมากเท่าไหร่ก็ยิ่งให้ความรู้สึกที่ลุ้นระทึกมากขึ้นเรื่อยๆ

จุดสังเกตคือ เกมนี้ไม่มีระบบ Autofire แบบในเกมแนวเดียวกันตัวอื่นๆ ผู้เล่นจำเป็นต้องกดปุ่มยิงย้ำๆ เอาเองแบบเกมแนวไฟติ้ง แถมบางตัวละครยังมีท่ายิงพิเศษที่ต้องรัวปุ่มยิงให้ไวกว่าปกติเพื่อใช้งานอีกด้วย ทำให้เกมเมอร์บางคนที่เคยชินกับการกดปุ่มยิงค้างจากเกมอื่นอาจรู้สึกขัดใจอยู่บ้าง

สำหรับใครที่กำลังมองหาเกมแนวยานยิงที่ให้ประสบการณ์ในการเล่นที่ "แตกต่าง" จากเกมทั่วไปในท้องตลาดละก็ แนะนำให้ลองเกมนี้เลยครับ รองรับคุ้มค่าแน่นอน!!

จุดเด่น
- เกมเพลย์ที่รวดเร็วมากๆ
- การออกแบบมุมกล้องและ Scrolling ของฉากที่ให้ความรู้สึก Sense of Speed
- ทุกตัวละครมีสไตล์การเล่นและเทคนิคเฉพาะตัวที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง
- เพลงประกอบที่ยิ่งใกล้จุดไคลแมกซ์ของเกมก็ยิ่งให้ความรู้สึกพีคมากขึ้นเรื่อยๆ
- งานดีไซน์โดยรวมของเกมที่เป็นเอกลักษณ์มากๆ และให้ประสบการณ์ที่แปลกใหม่สุดๆ
- เล่นซ้ำกี่รอบก็ไม่รู้สึกเบื่อ

จุดสังเกต
- ความยากไม่เป็นมิตรกับมือใหม่แนวนี้
- ไม่มีระดับความยากให้เลือก
- ไม่มีระบบ Autofire
- การเลือกตัวละครจากหน้าเมนูหลักโดยตรงที่ชวนให้สับสนเล็กน้อย
- ระบบต่างๆ ค่อนข้างซับซ้อนกว่าเกมแนวเดียวกัน

กราฟิก 8
ระบบการเล่น 9
ความแปลกใหม่ 10
ดนตรีและเสียงประกอบ 10
ความคุ้มค่า 10


ภาพรวม 9.4/10