28 มีนาคม 2564

[pop'n music RESPECT] กำเนิด Mega Tier

ในอดีต ดินแดน AC กับ CS นั้นเคยเป็นผืนแผ่นเดียวกันมาก่อน โดยที่เทวทูตสองตนของ MZD คือ "?" (ฮาเตนะ) จะรับหน้าที่ดูแลดินแดน AC ส่วน "!" (คันตัน) รับหน้าที่ดูแลดินแดน CS จนกระทั่งในปี 2012 เผ่าพันธุ์ CS เกิดการเจริญอย่างรวดเร็วผิดปกติ ซึ่งหากปล่อยไว้คันตันจะมีพลังอำนาจเหนือกว่าทั้งฮาเตนะและ MZD ผู้เป็นพระเจ้าเสียเอง เช่นนั้น ฮาเตนะจึงหยุดยั้งคันตันเอาไว้ด้วยการแยกดินแดนออกเป็นสองผืน คือการสร้างดาวเคราะห์ดวงใหม่สำหรับดินแดน CS โดยเฉพาะขึ้นมาในชื่อเมกะเทียร์ แล้วส่งมันไปไว้ยังที่ๆ ห่างไกลจากจักรวาลของดาวป๊อปปินเวิลด์เป็นระยะทางหลายล้านปีแสง พร้อมกับผนึกคันตันไว้ในดาวเมกะเทียร์ และคันตันก็หลับไหลอยู่ภายในเกาะอันเป็นดินแดนผืนเก่าที่ถูกย้ายมาอยู่บนโลกใหม่นี้ตั้งแต่นั้นมา ในขณะที่ดินแดนเดิมในโลกเก่าก็ถูกสร้างใหม่ขึ้นมาทดแทน คือดินแดน Lapistoria นั่นเอง ทว่า หลังจากเวลาผ่านไปหลายสิบปี ในที่สุดคันตันก็ถูกคลายผนึกออกมาและได้ตื่นขึ้นอย่างสมบูรณ์ MZD ที่อยู่ในโลก AC จึงถือโอกาสนี้ทดสอบฝีมือของมิมิกับเนียมิที่อยู่ในโลกเมกะเทียร์ว่า จะสามารถปกป้องโลกได้เหมือนกับมิมิและเนียมิที่อยู่ในโลก AC หรือไม่

อธิบายอีกอย่างก็คือ ตัวละครในดาวเมกะเทียร์ (โลก CS) กับตัวละครในดาวป๊อปปินเวิลด์ (โลก AC) เป็นตัวละครเดียวกัน แต่ไม่ใช่คนเดียวกัน เป็นจักรวาลคู่ขนานนั่นเอง...

...หลังจากที่คันตันได้ถูกผนึกไว้ในดาวเมกะเทียร์ MZD ก็ได้ให้กำเนิดมวลมนุษยชาติบนดาวเคราะห์ดวงนี้ขึ้นมา พร้อมกับสร้างร่างโคลนของตัวเองขึ้นมา เผื่อที่ว่าจะได้ไม่ต้องคอยเดินทางไปมาบ่อยๆ แต่ในส่วนของความทรงจำนั้นไม่ได้ถูกโคลนมาด้วย ทำให้เขาบนโลกนี้คืออีกคนอย่างสมบูรณ์ และร่างโคลนก็ได้ก่อตั้งบริษัท "PONAMI" ขึ้นมา เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยทั้งหมดแล้ว MZD จึงตัดสินใจ "ทิ้ง" ดาวเคราะห์ดวงนี้ไป โดยที่ไม่กลับมาเยี่ยมเยียนอีกเลย...

เหล่าผู้คนและสถานที่บนดาวเมกะเทียร์ มีความใกล้เคียงกับ ดาวป๊อปปินเวิลด์ เป็นอย่างมาก ประวัติของตัวละครและเนื้อหาส่วนใหญ่ยังคงอิงตามต้นฉบับ มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย ทว่า ในช่วงก่อนที่จะมีการค้นพบเกาะป๊อปปิน บนดาวนี้ไม่มีใครรู้จักการละเล่นของดาวบรรพบุรุษอย่าง "ป๊อปปินแบทเทิล" (Pop'n Battle) เลย แม้แต่มิมิกับเนียมิที่อยู่ในดาวนี้ก็ไม่รู้จัก ทำให้ประวัติศาสตร์เกี่ยวกับบรรพบุรุษของพวกเค้าทั้งหมด ถูกลืมเลือนหายไป แต่พอหลังจากที่เกมดนตรีเสมือนจริง "Pop'n Music" บนเกาะป๊อปปินได้เริ่มต้นขึ้น "ป๊อปปินแบทเทิล" ก็ได้กลายเป็นที่รู้จัก และได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางไปทั่วโลก ทำให้การละเล่นป๊อปปินจึงไม่ได้ถูกจำกัดอยู่แค่บนเกาะป๊อปปินอย่างเดียวอีกต่อไปหลังจากที่ทัวร์นาเมนต์จบลง ดังนั้น...

เมื่อการเจรจาครั้งใดไม่เป็นผลแล้วล่ะก็...ต้องตัดสินแพ้-ชนะด้วยการ ป๊อปปินแบทเทิล เท่านั้น! ซึ่งผู้แพ้จะต้องยอมรับความพ่ายแพ้อย่างเลี่ยงเสียมิได้ ส่วนผู้ชนะไม่มีสิทธิแข่งขันกับผู้แพ้ซ้ำ



ปัจจุบัน เมกะเทียร์ ก็คือสถานที่ซึ่งใช้ดำเนินเรื่องราวของภาค Respect นั่นเอง โดยมี มิมิ กับ เนียมิ (อีกคน) เป็นตัวเอกของเรื่องเหมือนเช่นเคย แล้วตำนานป๊อปปินบทใหม่นี้จะออกมาเป็นยังไงกันนะ??

ความแตกต่างระหว่าง ดาวเมกะเทียร์ กับ ดาวป๊อปปินเวิลด์
- ปุ่มกดทั้ง 9 ปุ่มบน "เกียร์" (GEAR) มีขนาดเล็กกว่า (ขนาดจะเท่ากับจอยรุ่น Minicon สำหรับเครื่อง PS1 และ PS2) ทำให้เป็นการใช้ "นิ้ว" กด แทนการใช้ "มือ" ตบลงไปทั้งปุ่ม
- ผู้เล่นแต่ละคน สามารถปรับแต่งและเปลี่ยนแปลงรูปร่างของ "เกียร์" และสกิน "ป๊อปคุง" ได้อย่างอิสระ (เมนู F11 ใน DJMAX RESPECT V)
- ระหว่างการเล่น Pop'n หากเล่นคนเดียว จะมีภาพของมิวสิควิดีโอ หรือ BGA ให้ดูอยู่ด้านหลังของกระดานตัวโน้ต ไม่มีตัวละครให้เห็น
- แต่หากเล่นแข่งกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ตัวละคร(หรือตัวผู้เล่น)ที่เข้าร่วมการเล่นทั้งหมดจะโชว์ให้เห็นบนจอโฮโลแกรมข้างกระดานตัวโน้ต ด้วยเหตุนี้ การเล่น Pop'n Battle จึงถือเป็นการ "แข่งขัน" อย่างแท้จริง
- มีระบบ FEVER: ที่ด้านใต้ของเกียร์จะมีแป้นเหยียบ ไว้สำหรับใช้งาน "FEVER" หรือหลอดสะสมจากการกดโน้ต "ป๊อปคุง" ได้ถูกต้อง เมื่อหลอดสะสมเต็มแล้วสามารถใช้งานได้ด้วยการเหยียบลงบนแป้นเหยียบ โดยจะทำให้จำนวนการกดคอมโบต่อป๊อปคุงหนึ่งตัว เพิ่มขึ้นเป็น x2 แล้วสะสมเรื่อยๆ จนสูงสุดที่ x5 แต่ถ้ากดพลาดในระหว่างที่ FEVER แสดงผลอยู่ จะทำให้ระยะเวลาแสดงผลลดลง หรืออาจทำให้เวลาหมดทันทีเลยก็ได้เช่นกัน
- เมื่อ FEVER ถึง X5 ค่าความแม่น "COOL" จะถูกเปลี่ยนเป็น "FEVER!" และท่าพิเศษของตัวละครจะแสดงก็ต่อเมื่อ FEVER ถึง X5 เท่านั้น
- Long Note Combo: กดโน้ตยาวแล้วคอมโบขึ้นเรื่อยๆ
- สามารถเลือกจำนวนปุ่มที่ต้องการเล่นได้อย่างอิสระ คือ 4B 5B 7B และ 9B (9B ไม่มีระดับ EASY)
- มีระดับความยากพิเศษ SL (SUPER LUNATIC) สำหรับเล่นกับคีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์โดยเฉพาะ ด้วยจำนวนโน้ตที่ต้องกดพร้อมกันมากถึง 4-9 ปุ่ม
- ลายเส้นตัวละครจะเป็นลักษณะกึ่งกลางระหว่างแบบเก่ากับแบบใหม่ คือ ตัวละครจะมีสัดส่วนสมจริงเหมือนกับแบบใหม่ แต่ลักษณะการแลเงาจะน้อยเหมือนแบบเก่า (ถ้านึกไม่ออก ลายเส้นจะคล้ายกับ Yume no Crayon Oukoku)
- ในส่วนทรงผมของ มิมิ กับ เนียมิ จะเป็นดีไซน์แบบเก่า คือ มีผมเฉพาะบริเวณหน้าผากอย่างเดียว ไม่มีผมที่ด้านข้าง แต่ในขณะที่แปลงร่างเป็น "นักรบในตำนาน Poppers" จะมีผมด้านข้างเหมือนกับดีไซน์แบบใหม่

แม้ว่าเนื้อเรื่องในภาค Respect ยังคงต่อเนื่องมาจากฉบับ Arcade แต่เนื่องจากเป็นโลกที่ถูก "โคลน" ขึ้นมาใหม่ ทำให้ในภาคนี้จึงถือเป็นการ "รีบูต" อย่างแท้จริงนั่นเอง

WELCOME TO THE MEGATIER GALAXY!


( ♪ Nevermind - Paul Bazooka )

18 มีนาคม 2564

[HowToPlay] แนะนำการเล่นตู้เกม Pop'n Music

สวัสดีครับ แอดมินเอครับผม ' w')/

หลังจากที่ได้ทำการรีวิวเกม Pop'n Music ไป ก็มีผู้อ่านหลายท่านสนใจอยากลองมาเล่นที่ MBK ดูบ้าง ซึ่งในครั้งนี้เราจะมาแนะนำวิธีการเข้าเล่นและระบบต่างๆ ของเกมกันครับ


ตู้เกม Pop'n Music ที่ห้าง MBK

ก่อนอื่นก็ต้องใช้เงินในบัตรร้านเกม 30 บาทในการเล่น 1 ครั้ง และหลังจากที่เรากดปุ่มหยอดเครดิตลงไป 3 ครั้งแล้ว หากใครที่ไม่มีบัตร e-Amusement Pass ให้กดปุ่มสีแดงเพิ่มเริ่มเกมในฐานะบุคคลทั่วไป (Guest) แต่ถ้าใครมีบัตร e-Amusement Pass ให้แตะบัตรที่จุดอ่านบัตร แทนการกดปุ่มสีแดงนะครับ

จากนั้นเราก็จะต้องเลือกกันก่อนว่าจะเล่นในรูปแบบใด ซึ่งจะมีอยู่ 2 แบบคือ


NORMAL START: เล่นแบบปกติ สามารถเล่นได้ 3 เพลง แต่ไม่มี Extra Stage
EXTRA START: *ต้องหยอดเพิ่มอีก 1 เหรียญ* เล่นแบบพิเศษ สามารถเล่นได้ 3 เพลงเช่นกัน แต่ถ้าหากเล่นเพลงผ่าน(จบเพลงโดยเกจอยู่ในโซนสีแดง)จะได้รับตัวอักษรมาสะสม 1 ตัว และเมื่อสะสมครบ 5 ตัวคือ (E) (X) (T) (R) (A) จะสามารถเล่นเพลงพิเศษได้ 1 เพลงใน Extra Stage (โหมดนี้จะมีให้เลือกเฉพาะผู้ที่เล่นโดยใช้บัตร e-Amusement Pass เท่านั้นนะครับ หากเราเข้าเกมแบบบุคคลทั่วไป (Guest) จะไม่มีให้เลือก)

*นอกเรื่องเล็กน้อย: มีบางท่านเห็นรูปข้างบนนี้แล้วสงสัยว่าทำไมในรูปถึงมีให้เลือก 3 โหมด อันนี้เป็นตัวเกมของญี่ปุ่นครับ (โค้ด J:A:A) จะมีให้เลือก 3 โหมดระหว่างใช้เหรียญ (สีส้ม) กับใช้เงินเติม "Paseli" (สีเขียว) ส่วนของไทย (โค้ด A:C:A) จะมีแค่ 2 โหมดเท่านั้น และใช้เหรียญ(สีส้ม)ทั้งสองโหมดด้วย

ต่อมาเราก็ต้องเลือกโหมดการเล่น โดยจะมีอยู่ 2 โหมดเช่นกันนั่นก็คือ


Normal Mode: เล่นคนเดียว 9 ปุ่มการเล่น
Battle Mode: เล่นสองคน 3 ปุ่มการเล่น แข่งทำคะแนนกัน

โดยถ้าเราเข้าเกมแบบบุคคลทั่วไป (Guest) หลังจากเลือกโหมด จะมีให้เลือกอีกว่าจะเล่นโหมดฝิกสอน (Tutorial) ด้วยหรือไม่


จากนั้นก็จะต้องเลือกตัวละครที่ต้องการจะเล่น โดยถ้าเราเข้าเกมแบบบุคคลทั่วไป (Guest) ตัวละครเริ่มต้นจะอยู่ที่ Mimi เสมอ ใช้ปุ่มสีฟ้าเพื่อเลื่อนบนและล่าง ปุ่มสีเขียวเปลี่ยนหมวดหมู่ และใช้ปุ่มสีเหลืองเพื่อเปลี่ยนสี หรือชุดประจำภาคในกรณีที่เลือกตัว Mimi หรือ Nyami (สามารถเลือกได้ตั้งแต่ภาคแรกยันภาคล่าสุดเลย ^^) เมื่อได้ตามต้องการแล้ว ให้กดปุ่มสีแดงเพื่อเลือกตัวละครนั้นๆ

กรณีที่เล่น Battle Mode จะต้องเลือกตัวละคร 2 ครั้ง โดยครั้งแรกเป็นตัวละครสำหรับผู้เล่นคนที่ 1 และอีกครั้งสำหรับผู้เล่นคนที่ 2


เมื่อทำการเลือกตัวละครเรียบร้อยแล้ว ก็จะเข้าสู่หน้าเลือกเพลงกันล่ะ โดยเพลงก็จะแบ่งหมวดหมู่ไปตามภาคต่างๆ และยังสามารถปรับแต่งได้ว่า จะเรียงตามตัวละครประจำเพลงก็ได้ หรือจะเอาแค่เฉพาะเพลงในหมวด TV/ANIME (เพลงลิขสิทธิ์) ก็ตามแต่ โดยการใช้ปุ่มสีฟ้าเลือก ปุ่มสีเขียวเปลี่ยนหมวดหมู่ และใช้ปุ่มสีเหลืองเพื่อปรับความยาก-ง่าย ของเพลงนั้นๆ เมื่อเสร็จแล้วให้กดปุ่มสีแดงเพื่อเริ่มการเล่น

นอกจากนี้หากกดปุ่ม 00 ที่แป้น Keypad จะเป็นการสลับการแสดงผลระหว่าง "ชื่อเพลง" และ "แนวเพลง" กด 0 เพื่อเปลี่ยนการเรียงรายชื่อเพลงระหว่าง ตามระดับความยาก-เหรียญตราและเกรด-ตัวอักษร



ส่วนปุม 1 กับ 2 จะเป็นการเรียกหน้าต่างข้อมูลขึ้นมาตรงข้างๆ แถบหมวดหมู่สีเขียวด้านบน (เลือกเปิดได้แค่อย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น) กด 1 เพื่อดูคะแนนของเราในแต่ละเพลง และกด 2 เพื่อดูสรุปเกรดทั้งหมดที่เราทำได้รวมจากทุกเพลง (จะแสดงเฉพาะในหมวดหมู่และระดับความยากที่กำลังเลือกอยู่)


หากว่าต้องการปรับออฟชั่นต่างๆ เมื่อขึ้นหน้า VS ตัวละคร ให้กดปุ่มสีเหลืองพร้อมกันทั้งสองปุ่มเพื่อปรับค่าต่างๆ ในการเล่นได้ โดยหลักๆ จะเป็น

- HI-SPEED: ความเร็วของโน้ตที่จะเลื่อนลงมา (แนะนำค่าระหว่าง 600-700)
- POP-KUN: เปลี่ยนสกินของโน้ต
- GAUGE TYPE: เปลี่ยนความยากของเกจ
- GUIDE SE: เปิด-ปิดเสียงเคาะจังหวะ (เปิดเป็นค่าเริ่มต้น)

นอกจากนี้หากกดปุ่ม 0 ที่แป้น Keypad จะสามารถเลือกปรับออฟชั่นพิเศษเพิ่มได้อีก 7 อย่าง คือ

- RANDOM: เปิดการสุ่มตำแหน่งของโน้ต
- JUDGE+: มีให้เลือก 3 อย่างคือ เปิดการแสดงผล FAST-SLOW หากกดได้ค่าต่ำกว่า COOL (TIMING), ปิดการแสดงผลค่าความแม่นยำ (LOST), และแสดงผลค่าความแม่นยำและคอมโบหลอก (PANIC)
- HIDDEN: เปิดการซ่อนตัวโน้ตเมื่อเลื่อนลงมาใกล้กับเส้นกับกำจังหวะ (สามารถปรับระดับความสูง-ต่ำได้)
- SUDDEN: ลดความสูงของการแสดงตัวโน้ต (สามารถปรับระดับความสูง-ต่ำได้)
- LIFT: ดันเส้นกับกำจังหวะให้สูงขึ้นกว่าปกติ (สามารถปรับระดับความสูง-ต่ำได้)
- OJAMA 1 และ 2: เพิ่มอุปสรรคการเล่น เช่น ให้ตัวละครประจำเพลงขึ้นมาเต้นบังเลนโน้ต, โน้ตกลับหัว, โน้ตโยกเยกไปมา, ฯลฯ

กรณีที่เล่น Battle Mode จะต้องเลือกออฟชั่น 2 ครั้ง โดยครั้งแรกเป็นออฟชั่นสำหรับผู้เล่นคนที่ 1 และอีกครั้งสำหรับผู้เล่นคนที่ 2

เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว ก็เริ่มเล่นได้เลย การเล่นง่ายๆ มีปุ่มให้เรากดทั้งหมด 9 ปุ่ม ให้เราทำการกดปุ่มให้ตรงกับเส้นสีแดงด้านล่าง ถ้าเคยเล่นตู้ Guitar Hero (แบบปุ่มตบ) มาก่อน เกมนี้ก็ไม่ยากเลยล่ะ เพียงแต่มีปุ่มให้กดเยอะกว่าเท่านั้นเอง

ระดับความแม่นของโน้ตจะมี COOL, GREAT, GOOD, และ BAD ถ้าหากกดติด COOL หมายความว่าผู้เล่นกดโน้ตได้แม่นยำ แต่หากกดไม่แม่นก็จะปรากฏเป็น GREAT หรือ GOOD ซึ่งคะแนนจะลดลงตามลำดับ หรือหากกดพลาด เกมจะขึ้นว่า BAD และทำการนับ COMBO ใหม่ทันที

ถ้าเรากดถูกต้องและต่อเนื่อง พลังของเกจด้านล่างจะเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ แต่ถ้าพลาดก็จะลดลง หากเล่นจบเพลงแล้วเกจอยู่ในโซนสีแดงก็จะถือว่าเล่นเพลงนั้นผ่าน


เมื่อจบเพลง จะมีหน้าสรุปคะแนนของเราว่าเล่นได้ดีแค่ไหน โดยเกรดที่จะได้จะมีตั้งแต่ E ถึง S

อ้อ! ลืมบอกไปว่าเกมนี้หลังจากภาค 22 หรือ Lapistoria เป็นต้นไป หากเล่นไม่ผ่านจะยังไม่ถือว่า "GAME OVER" ในทันทีนะ เพียงแต่จะไม่ได้รับตัวอักษร (E) (X) (T) (R) (A) มาสะสมเท่านั้นเอง

คำแนะนำสำหรับผู้เล่นใหม่ทุกท่าน

เล่นครั้งแรกแนะนำว่าควรเล่นในระดับ EASY ก่อน เนื่องจากระดับ EASY จะมีความพิเศษตรงที่จะใช้ปุ่มในการเล่นน้อยกว่า 9 ปุ่ม (หมายความว่าจะมีบางปุ่มที่ไม่ได้ใช้งานตลอดทั้งเพลง) พอเล่นไปสักพักจนเริ่มชินกับ "ตำแหน่งของปุ่ม" แล้ว ก็จัดระดับความยากตามที่ต้องการได้เลย








 






ขอให้สนุก
กับเกม(╹◡╹)










หน้านี้แก้ไขล่าสุดเมื่อวันที่ 16 เมษายน 2567