22 กันยายน 2565

pop'n music RESPECT : STAGE 35 「ศึกวันพิพากษา! เอลฟ์ในตำนานปรากฏตัว」

【ความเดิมตอนที่แล้ว】

มิมิ: ฉันว่าลองใช่นี่ดูอีกทีนะ คราวนี้ฉันคิดว่าน่าจะเวิร์กแล้วล่ะ!

มิมินำซิลลี่คีย์ออกมา

เนียมิ: จะเปิดประตูมิติเหรอ?

มิมิ: อืม!! ฉันจะลองเปิดไปยังปราสาทของไดโนให้ได้ดู!

แล้วมิมิก็ทำการปักซิลลี่คีย์ลงพื้นเพื่อเปิดประตูมิติ

มิมิ: เอาล่ะ พร้อมแล้วนะ!

เนียมิ: อืม!!

จากนั้นทั้งสองก็จับมือกันคนละข้าง ก่อนที่จะกระโดดลงไปยังหลุมมิติพร้อมกัน

--------------------------------------------------------------------------------


STAGE 35
「ศึกวันพิพากษา! เอลฟ์ในตำนานปรากฏตัว」


--------------------------------------------------------------------------------

ทางด้านไดโนที่กำลังนั่งแช่อ่างน้ำอุ่นอยู่

ไดโน: เฮ่อ.. ได้แช่อ่างน้ำอุ่นแบบนี้ มันรู้สึกฟินอย่างบอกไม่ถูกจริงๆ นะขอรับ...

แล้วจากนั้นก็เกิดหลุมมิติขึ้นมาที่ด้านบนของเขา ก่อนที่จะมี มิมิกับเนียมิ ตกลงมาจากหลุมนั้น ทำให้น้ำในอ่างสาดกระจายไปทั่วห้อง

ไดโน: โอ้ย.. มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย?

ไดโนค่อยๆ ตั้งสติหลังจากที่ถูก มิมิกับเนียมิ ร่วงลงมากระแทกใส่

ส่วนทั้งสองก็ส่องมองไปทั่วเพื่อดูว่าที่นี่คือที่ไหน จนกระทั้งหันมาเห็นไดโนที่อยู่ข้างๆ

เนียมิ: อ่ะ!! ท่านไดโน!! Σ( °o °)

ไดโน: เฮ้ย! Σ( °o °) เจ้าเด็กทั้งสองนี่!!

ไดโนหันมาหาทั้งสองด้วยความตกใจ

มิมิ: ฮ่าๆ ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งนะคะ (*^▽^*)

ไดโน: อะฮ้า! ^_^ ยินดีต้อนรับกลับนะ ในที่สุดพวกเจ้าก็รวบรวมเศษลูกแก้วได้ครบกันแล้วสินะ!

เนียมิ: แน่นอน (^_<)☆

เนียมินำซิลลี่คีย์ในสภาพลูกแก้วสมบูรณ์ออกมาให้เขาดู

ไดโน: ว้าว!! (☆▽☆) ลูกแก้วกลับมาอยู่บนหัวกุญแจแล้วจริงๆ ด้วย! ข้าคิดไม่ผิดจริงๆ ที่อยากให้พวกเธอมารับภารกิจนี้ เพราะถ้าให้ "หมอนั่น" (แอสคอต) รับภารกิจนี้ล่ะก็... ข้าคิดว่ากุญแจคงหายไปพร้อมกับเศษลูกแก้วทั้งหมดแล้วแน่ๆ ...เอ๊?

ไดโนเพิ่งรู้สึกตัวกับเรื่องบางอย่าง

เนียมิ: มีอะไรเหรอ?

ไดโน: แล้วทำไมพวกเจ้า... ถึงมาอยู่ในห้องอาบน้ำของข้าได้ล่ะ!? ╰(‵□′)╯

ไดโนตะคอกใส่ทั้งสอง ทำให้ทั้งสองตกใจจนปิดหูแทบไม่ทัน

เนียมิ: คือว่า... กุญแจมันพาพวกเรามาโผล่ที่นี่น่ะคะ (っ °Д °;)っ

ไดโน: ซิลลี่คีย์เหรอ? เอ๊! หรือว่าพวกเธอจะ...? (⊙ˍ⊙)

มิมิ: ใช่คะ! พวกเราลองใช้เวทมนตร์จากซิลลี่คีย์เปิดประตูมิติเพื่อกลับมาที่ปราสาทแห่งนี้!

ไดโน: โห๊ สุดยอด!! พวกเธอใช้เวทมนตร์ของซิลลี่คีย์เป็นกันด้วยเหรอเนี่ย??

เนียมิ: คือที่จริงแล้ว พวกเราไปเจอกับคนที่รู้เรื่องเกี่ยวกับซิลลี่คีย์มาน่ะคะ พวกเราก็เลยได้ทราบวิธีใช้เวทมนตร์ต่างๆ ของซิลลี่คีย์

ไดโน: แบบนี่เอง.. ^_^

จากนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมา

"ท่านไดโนกำลังทำอะไรอยู่? ข้าพเจ้ามีเรื่องเร่งด่วนที่ต้องรีบมาแจ้งให้ทราบขอรับ!"

จากนั้นทั้งหมดก็ออกมาจากห้องน้ำ

ไดโน: มีเหตุด่วนอะไรล่ะ?

"คะ.. คือว่า... พวกมันมาแล้วขอรับ!!"

องครักษ์นายนั้นตอบด้วยสีหน้าหวาดกลัว เหงื่อแตก ขาสั่น

ไดโน: พวกมัน...?? หรือว่าจะเป็น??

"ใช่แล้วขอรับ พวกจักรวรรดิมันบุกมาแล้ว!!"

ไดโน/มิมิ/เนียมิ: เอ๋!? \(〇_o)/

ทั้งสามตะโกนด้วยความตกใจ

--------------------------------------------------------------------------------

จากนั้นทั้งหมดจึงรีบไปยังบริเวณระเบียงของท้องพระโรง เพื่อดูสิ่งที่เกิดขึ้นภายนอกปราสาท

ไดโน/มิมิ/เนียมิ: โห... (⊙_⊙;)

สิ่งที่พวกเขาเห็นนั้นก็คือ... ฝูงยานรบขนาดใหญ่จำนวนมากที่กำลังลอยอยู่เบื้องหน้า ซึ่งบนท้องฟ้าได้เปลี่ยนเป็นคล้ายกับเมฆฝนสีแดงเข้ม และบริเวณของเมฆนั้นมีหลุมขนาดใหญ่ที่ดูคล้ายกับตาพายุ

ไดโน: ไม่จริง... "วันพิพากษา" ได้มาถึงแล้วเหรอเนี่ย!?

เนียมิ: "วันพิพากษา" งั้นเหรอ?

เนียมิหันมาถามไดโน

ไดโน: มันเป็นวันที่เหล่ากองทัพปิศาจแห่งจักรวรรดิ Desperus จะมารุกรานอาณาจักรเพื่อยึดครองเมืองหลวงแห่งนี้ยังไงล่ะ!

มิมิ: จักรวรรดิ Desperus เอ๊!? หรือว่า...!

มิมิรู้สึกคุ้นๆ กับชื่อจักรวรรดินี้

ไดโน: ใช่! คนที่มาขโมยซิลลี่คีย์ไป พยายามจะเอาไปปลดปล่อยหัวหน้าจักรวรรดิในตำนานที่เคยถูก "สองนักรบหญิงในตำนาน" จองจำไปเมื่อ 1,000 ปีที่แล้ว แต่ดูเหมือนว่าลูกแก้วจะแตกออกหลังจากที่เวทย์ปลดปล่อยสำเร็จไปแล้ว...

มิมิ: เอ๊!? แต่ท่านไดโนเคยบอกว่า เวทมนตร์ของกุญแจจะใช้งานได้เฉพาะ "ผู้ที่ถูกเลือก" เท่านั้นนี่คะ?

ไดโน: คนที่ขโมยไปอาจจะใช้พลังบางอย่างทำให้เข้าถึงเวทมนตร์จากกุญแจก็เป็นได้ แต่ถึงยังไง ต่อให้ใช้พลังจากกุญแจได้ ถ้าหากไม่ใช่ "ผู้ที่ถูกเลือก" ลูกแก้วบนกุญแจก็ต้องแตกออกอยู่ดี

"ท่านองค์ชายกำลังต้องการความช่วยเหลืออยู่หรือขอรับ?"

อยู่ๆ ก็มีเสียงของชายผู้หนึ่งเรียกขึ้นมาจากด้านหลัง ทั้งหมดจึงหันไปมอง

ไดโน: ไม่จริงน่ะ... นายคือ...?

ไดโนรู้สึกตกใจเล็กน้อยเมื่อได้เห็นหน้าเขา

"ยินดีที่ได้พบกันนะขอรับ พระราชโอรสองค์ปัจจุบันแห่งอาณาจักรเทพนิยาย นามของข้าคือ อาร์ค (Ark)"

ไดโน: ไม่จริงน่ะ? นายก็คือเอลฟ์ในตำนานที่ผู้คนร่ำลือกันหรือ?

มิมิ/เนียมิ: เอ๋!? "เอลฟ์ในตำนาน" งั้นเหรอ??

ทั้งสองถามด้วยความตกใจ

ไดโน: ใช่! เขาเป็นเอลฟ์ในตำนานอายุกว่าพันปี มีฝีมือการยิงธนูที่ยอดเยี่ยมมาก ชนิดที่เรียกได้ว่าต่อให้เจอศัตรูรุมเป็นร้อย แต่เขาก็จัดการได้ทั้งหมดด้วยตัวคนเดียวเลยล่ะ! และเมื่ออดีตกาลเขาเคยเป็นหนึ่งในผู้กอบกู้อาณาจักรของเราจากการรุกรานของพวกจักรวรรดิอีกด้วยนะ!

มิมิ/เนียมิ: โห๊!? จริงเหรอเนี่ย?? (⊙o⊙)

ไดโนพยักหน้าตอบ แล้วหันมาคุยกับอาร์คต่อ

ไดโน: นั่นสิ! แล้วทำไมถึงมาที่นี่ล่ะ ปกติแล้วนายไม่เคยสู้เพื่อใครนอกจากอาณาจักรของท่านเองนี่หนา?

อาร์ค: มันก็แน่นอนอยู่แล้ว ก็วันนี้เป็น "วันพิพากษา" ไง ถ้าหากไม่มาช่วย อาณาจักรแห่งนี้อาจจะกลายเป็นฐานที่มั่นใหม่ของพวกจักรวรรดิก็เป็นได้ ...และข้าก็ได้ยินมาว่า "นักรบในตำนานป๊อปเปอร์ส" รุ่นใหม่อยู่ที่นี่อีกด้วย...

แล้วเขาก็มองไปยัง มิมิกับเนียมิ ทำให้ทั้งสองสะดุ้งเล็กน้อย

ไดโน: นักรบในตำนานป๊อปเปอร์ส? หมายถึง "สองนักรบหญิงในตำนาน" ที่เคยใช้ซิลลี่คีย์ปิดผนึกหัวหน้าจักรวรรดินั่นน่ะเหรอ?

อาร์ค: ถูกต้องแล้ว! เมื่ออดีตกาลข้าเคยเป็นผู้นำทางทั้งสองไปยังสถานที่ที่ใช้ปิดผนึกจอมมาร และเด็กทั้งสองคนนี้แหละ ก็คือ "นักรบในตำนานป๊อปเปอร์ส" คนปัจจุบัน

ไดโน: เอ๋!? Σ( °o °) นี่นายพูดเรื่องอะไรกันน่ะ?? เด็กสองคนนี้น่ะ...

คำพูดของไดโนขาดหายไปเพราะนึกอะไรไม่ออก มิมิกับเนียมิ จึงพูดแทรกเข้ามา

เนียมิ: ที่จริงแล้ว... พวกเรานี่แหละคือ "นักรบในตำนานป๊อปเปอร์ส" ค่ะ...

ไดโน: อ่ะ!? จริงดิ!? (´・ω・`)?

อาร์ค: จริงแท้แน่นอนเลยล่ะ ก็ดูที่ข้อมือข้างขวาของพวกเขาสิ

แล้วไดโนก็มองไปยังข้อมือข้างขวาของทั้งสอง เขาก็พบว่าทั้งสองสวมกำไลป๊อปเปอร์สอยู่ (ของมิมิเป็นสีชมพู ส่วนเนียมิสีฟ้า)

ไดโน: จริงด้วย..! นั่นมัน... กำไลป๊อปเปอร์สนี่หนา!! (ไม่ทันได้สังเกตมาก่อนเลย)

แต่ก่อนที่ไดโนจะได้ถามอะไรต่อกับทั้งสอง อยู่ๆ ทางฝั่งจักรวรรดิก็ได้ประกาศบางอย่างออกมา โดยเป็นเสียงประกาศที่ดังออกมาจากยานรบยักษ์ลำหนึ่ง

"อะฮืม... เทสๆ 1 2 3 4... พวกเจ้าได้ยินที่ข้าพูดไหม?"

และหลังจากที่ทั้งหมดได้ยินเสียงประกาศที่ดังก้องกังวานออกมา จึงหันมามองกลุ่มยานรบยักษ์เพื่อฟังเสียงประกาศ

"ที่พวกเรามาในวันนี้ ก็เพื่อจะมายึดครองพระราชวังแห่งนี้ ตามกำหนดการของ "วันพิพากษา" ในปฏิทินแห่งจักรวรรดิ Desperus แต่ก่อนที่พวกเราจะเริ่มกระทำการนั้น ข้ามีข้อแลกเปลี่ยนที่อยากจะเสนอให้กับพวกเจ้าก่อน ส่วนข้อเสนอก็คือ... ข้าต้องการกุญแจเวทมนตร์ "ซิลลี่คีย์" ที่อยู่กับพวกเจ้า ณ ที่แห่งนี้ หากพวกเจ้ายอมมอบซิลลี่คีย์มาให้ข้าแต่โดยดี พวกข้าจะยอมถอยทัพกลับไปโดยที่ไม่กลับมาบุกยึดปราสาทแห่งนี้อีกเลย ...เอาล่ะ ข้ามีเวลาให้ 5 นาทีนะ หากหมดเวลาแล้วยังไม่ได้รับกุญแจละก็... พวกเราจะเริ่มเปิดศึกในทันที!"

อาร์ค: เสียงนี่มัน... "เซ็นต์ทานัวร์" (Saint Taneu)* นี่!!

แล้วจากนั้นอาร์คก็วิ่งออกจากท้องพระโรงไปอย่างรวดเร็ว

ไดโน: อ้าว!! เดี๋ยวก่อนสิ!! จะไปไหนน่ะ!?

เนียมิ: เซ็นต์ทานัวร์เหรอ? คือใครกันน่ะ

ไดโน: เออ... ก็คือผู้นำของจักรวรรดิ Desperus หรือเรียกอีกอย่างก็คือ "จอมมาร" ในตำนานยังไงล่ะ!

มิมิ/เนียมิ: เอ๋!?

ทั้งสองตะโกนด้วยความตกใจ

*หมายเหตุจากผู้เขียนนิยาย: จริงๆ แล้วเขาก็คือ "แซตตัน" (Sattan) จากเกมต้นฉบับ แต่ในเวอร์ชั่นนิยายได้เปลี่ยนชื่อใหม่ เพื่อเลี่ยงการอ้างอิงถึงสิ่งชั่วร้ายทางศาสนา*

--------------------------------------------------------------------------------

ทางด้านอาร์คเขาได้วิ่งออกมายังนอกปราสาท โดยได้กระโดดโลดโผนไปตามต้นไม้ต่างๆ ด้วยความคล่องแคล่วว่องไว ก่อนที่จะมาหยุดอยู่บนยอดหลังคาหนึ่ง

อาร์ค: ไม่นึกเลยว่าผ่านมาอีกหนึ่งพันปี ข้าต้องกลับมาสู้กับพวกจักรวรรดิอีกครั้ง...

เขามองฝูงยานที่อยู่เบื้องบนสักพัก ก่อนที่จะเริ่มสอดลูกธนูเวทย์มนตร์สีทองเข้ามายังคันธนู ก่อนที่จะเริ่มยิงออกไป

ลูกธนูนั้นพุ่งออกไปเป็นลักษณะคล้ายกับเส้นเลเซอร์สีทองที่สว่างไสว และมันได้พุ่งเข้าไปโดนยานรบยักษ์ลำหนึ่ง

ทันทีที่ลูกธนูปักโดนยานลำนั้น ยานก็ระเบิดและร่วงลงสู่พื้น ทำให้เซ็นต์ทานัวร์ที่อยู่ภายในห้องบัญชาการของยานแม่ถึงกับอึ้งตาค้างไปเลย เพราะไม่คิดว่าลูกธนูน้อยๆ เพียงลูกเดียวจะถึงขั้นทำลายยานขนส่งทหารลงได้

"ยานเราโดนสอยร่วงไปแล้ว เอาไงต่อดีขอรับ?"

หนึ่งในทหารของเขาที่อยู่ข้างๆ หันมาถาม

เซ็นต์ทานัวร์: เออ... ถ้ามันเริ่มโจมตีก่อน พวกเราก็บุกเลยสิ!!

แล้วจากนั้นฝูงยานทั้งหมดก็เริ่มเปิดฉากโจมตีพระราชวัง โดยมีทั้งกระสุนเลเซอร์ที่ยิงออกมาจากทั้งยานแม่และยานขนส่ง

--------------------------------------------------------------------------------

ทางด้านมิมิเนียมิ หลังจากที่เห็นพวกจักรวรรดิเริ่มโจมตีเข้ามายังปราสาท พวกเธอก็ถึงกับตกใจจนทำอะไรไม่ถูก เพราะเสียงที่ได้ยินในตอนนั้นมันมั่วซั่วไปหมด

ไดโน: รีบไปหลบยังห้องใต้ดินกันก่อนเถอะ!!

แล้วทั้งหมดก็ตามไดโนไปยังห้องหลบภัยใต้ดิน

--------------------------------------------------------------------------------

ณ ห้องหลบภัยลับที่อยู่ในชั้นใต้ดินของปราสาท ซึ่งมีลักษณะเป็นห้องที่ทำด้วยอิฐหิน และมีเพียงแค่แสงสลัวจากตะเกียงเท่านั้น

ไดโน: ซิลลี่คีย์ยังอยู่กับพวกเธอใช่ไหม?

มิมิ: ค่ะ!!

มิมิพยักหน้า

ไดโน: งั้น... ข้าจะต้องมอบภารกิจใหม่ให้กับพวกเธอทั้งสองแล้วล่ะนะ!

เนียมิ: นั่นก็คือ... ไปปิดผนึกจอมมารด้วยซิลลี่คีย์ใช่ไหม?

ไดโน: เอ๊!? ทำไมถึงรู้ด้วยล่ะ!? (⊙_⊙)? (ข้ายังไม่ได้บอกอะไรเลยนะ)

มิมิ: ก็เพราะพวกเราทราบเรื่องนี้มาจากท่านผู้หนึ่งที่พวกเราพบระหว่างทางไปทำภารกิจรวบรวมเศษลูกแก้วน่ะคะ ...เขาบอกว่า ต้องเดินทางไปยังวิหาร Kobulr เพื่อนำซิลลี่คีย์ไปเสียบกับ "บล็อกกี้ล็อค" ที่อยู่ในนั้นเพื่อปิดผนึกจอมมาร...

ไดโน: อืม... ก็ตามที่พวกเจ้าได้ยินมานั่นแหละ! นั่นก็คือภารกิจใหม่ที่พวกเจ้าทั้งสองต้องไปทำกันในวันนี้... และเดี๋ยวนี้ด้วยนะ ...เออ นั่นสิ แล้วเจ้าไปยินเรื่องนี้มาจากใครกันเหรอ?

มิมิ: เป็นความลับจ๊ะ...!

ไดโน: เอ๋!? บอกกันหน่อยไม่ได้เหรอ?? ∑(°ロ°)

เนียมิ: เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของเจ้าของข้อมูล พวกเราเปิดเผยไม่ได้... (^_<)☆

มิมิ: ว่าแต่... แล้วเราจะไปที่นั่นได้ยังไงกันล่ะ...?

จากนั้นไดโนก็คิดอะไรอยู่สักพัก ก่อนที่จะนำแผนที่ที่แสดงตำแหน่งของวิหาร Kobulr ออกมาให้ทั้งสองดู ซึ่งอยู่ไกลออกไปจากนครหลวงมากเลยทีเดียว

ไดโน: ถ้าจะไปให้ถึงที่นั่นภายในวันเดียว มีทางเดียวคือต้องเดินทางด้วยพาหนะทางอากาศเท่านั้น แต่ในนครหลวงของเราไม่มีพาหนะทางอากาศให้บริการ และที่นั่นก็ไม่มีสถานีรถไฟด้วย ถ้าจะเดินเท้าไปต้องใช้เวลาอย่างน้อย 35 วันเลยล่ะ!

มิมิ: แต่เราก็ใช้ซิลลี่คีย์ เทเลพอร์ตไปที่นั่นก็ได้นี่ค่ะ?

ไดโน: ไม่ได้หรอก... เวทย์ประตูมิติจะใช้งานได้ก็ต่อเมื่อพวกเจ้าเคยไปที่นั่นมาแล้วครั้งหนึ่งเท่านั้น และถ้าพยายามจะเปิดประตูไปยังที่ๆ ไม่เคยไป อาจจะทำให้ไปโผล่อยู่ที่ไหนสักแห่งที่อาจจะไม่ใช่วิหาร Kobulr ก็เป็นได้ ซึ่งหากถึงขั้นเลวร้ายก็อาจจะไปโผล่อยู่กลางมหาสมุทรเลยก็ได้ (จมน้ำทะเลไปเลย)

แล้วจากนั้นทั้งสามก็คิดกันหนักกับเรื่องนี้ว่าจะเอายังไงกันต่อดี เพราะถ้าหากเดินไปเหมือนตอนที่ทำภารกิจแรกล่ะก็ ต้องใช้เวลา 35 วันในการไปถึงที่นั่น

"ท่านไดโนขอรับ!"

อยู่ๆ ก็มีทหารนายหนึ่งรีบวิ่งเข้ามาหา

ไดโน: มีเรื่องใดรึ? (ข้ากำลังซีเรียสอยู่นะ)

"ขณะที่พวกเรากำลังสู้กันอยู่ ก็มีตัวอะไรไม่รู้มาช่วยพวกเราสู้ด้วยขอรับ!!"

ไดโน: เอ๋!? มันคือตัวอะไรรึ (´・ω・`)?

"ถ้าไม่เชื่อก็ลองออกมาดูสิ!! ตัวที่ว่านั่นน่ะ ช่วยพวกเราได้เยอะเลยขอรับ!!"

--------------------------------------------------------------------------------

แล้วทั้งสามก็ตามออกมาดูสถานการณ์การสู้รบด้านนอกปราสาท พบว่าบนฟ้ามีตัวบินได้สีฟ้าๆ กำลังบินไปโจมตียานข้าศึกอย่างรวดเร็ว

ซึ่งตัวนั้นกำลังปล่อยลำแสงเลเซอร์เป็นจำนวนหลายเส้นเข้าโจมตีเป้าหมายจำนวนมากเป็นระยะๆ และบนตัวนั้นมีคนที่ขึ้นไปขี่มันอยู่

และเมื่อพวกเธอลองสังเกตให้ดี พบว่าตัวนั้นมันดูคุ้นๆ เป็นอย่างมาก

มิมิ: เอ๊!? นั่นมัน...?

สิ่งที่เริ่มเห็นชัดเจนคือ เป็นตัวบินได้สีฟ้าคล้ายสุนัข และคนที่กำลังขี่นั้นได้ยิงปืนเลเซอร์ทำลายยานข้าศึกเป็นระยะๆ อีกด้วย

เนียมิ: ไม่จริงน่ะ...? นั่นมัน... "โรโค่ มอคโค่" (Roco*Moco) นี่!!

เขาผู้นั้นก็คือ "โรโค่ มอคโค่" ที่เคยเจอเมื่อคราวก่อนนั่นเอง โดยพวกเขานั้นได้ช่วยถล่มข้าศึกจนฝ่ายไดโนเริ่มได้เปรียบ ส่วนฝ่ายจักรวรรดิก็สูญเสียไปเยอะอย่างเห็นได้ชัด

โรโค่: เอาล่ะ มาปิดเกมกันเถอะ!!

โรโค่บอกกับมอคโค่ที่ขี่อยู่ แล้วจากนั้นมอคโค่ก็ใช้ท่าไม้ตายด้วยการปล่อยคลื่นแสงเลเซอร์สีฟ้าจำนวนมากที่เมื่อกระทบเป้าหมายแล้วออกมาเป็นคล้ายกับดอกไม้ไฟเข้าใส่ยานข้าศึกทั้งหมด ทำให้ยานข้าศึกเกือบทั้งหมดยกเว้นยานแม่ ระเบิดไปในทันที

เนียมิ: โห!! สุดยอด!! (⊙_⊙;) (อย่างกับ Panzer Dragoon)

เนียมิอึ้งสุดขีดที่ได้เห็นการต่อสู้สุดอลังการของโรโค่มอคโค่ แน่นอนว่าเหล่าทหารของราชวังเองก็อึ้งเช่นกัน

แล้วโรโค่มอคโค่ก็จ้องมองไปทางยานแม่เพื่อดูเชิงอยู่พักหนึ่ง

โรโค่: เหลือแต่ยานแม่แฮะ... ถ้าทำลายจากด้านนอกไม่ได้ ก็คงต้องลองบุกเข้าไปทำลายจากด้านใน?

มิมิ: เฮ้!! โรโค่ มอคโค่!!

มิมิตะโกนและโบกมือเรียก ทำให้เขาหันมาหาเสียงเรียกของเธอ

โรโค่: อ่ะ!! Σ( °o °) พี่มิมิ กับ พี่เนียมิ!!

แล้วเขาก็บินลงไปหาทั้งสองด้วยความสนใจ

เนียมิ: ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งนะ ^_^

เนียมิกล่าวหลังจากที่โรโค่เดินลงมาจากหลังของมอคโค่

มิมิ: โห! เมื่อกี้นี้สุดยอดไปเลยนะ! ไม่นึกเลยว่ามอคโค่จะมีพลังแบบนี้อยู่ด้วย ...แล้วเธอกลายเป็นนักรบไปแล้วงั้นเหรอเนี่ย??

มิมิถามเพราะเห็นโรโค่ใช้ปืนเวทย์มนตร์เป็นอาวุธในระหว่างการต่อสู้ด้วย

โรโค่: คือว่าเรื่องมันยาวน่ะ เดี๋ยวผมเอาไว้เล่าที่หลังเมื่อมีโอกาสดีกว่า

มิมิ: อืม ไม่เป็นไร

โรโค่: แล้วพวกพี่มาทำอะไรที่นี่กันเหรอ?

เนียมิ: พวกเรามาส่งซิลลี่คีย์คืนให้ราชวังหลังจากที่รวบรวมเศษลูกแก้วได้ครบแล้วน่ะ แต่ว่าพวกจักรพรรดิดันบุกมาซะก่อน พวกเราก็เลยต้องหาทางไปยังวิหาร Kobulr เพื่อไปปิดผนึกตัวผู้นำจักรพรรดิและหยุดการต่อสู้ครั้งนี้ให้ได้ ...จริงสิ!! พวกเรามีเรื่องอยากจะขอร้องหน่อยน่ะ

โรโค่: เรื่องอะไรงั้นเหรอ?

แต่ยังที่เธอไม่ทันได้ตอบ ก็มีฝูงยานใหม่โผล่ออกมาผ่านหลุมที่อยู่บนฟ้านั้น ทั้งหมดจึงหันไปมองยังฝูงยานที่มาเสริมกำลัง

โรโค่: ยังไม่จบเกมแฮะ ( ̄_ ̄|||)

โรโค่เริ่มรู้สึกเหนื่อยขึ้นมาหลังจากที่ได้เห็นกำลังเสริม

มิมิ: เอาเป็นว่ารีบตามพวกเราไปที่ปราสาทกันก่อนเถอะ พวกเรามีเรื่องต้องการจะให้เธอช่วยจริงๆ

โรโค่: อืม ได้สิ! ถือว่าเป็นการตอบแทนเรื่องที่พวกพี่ช่วยผมเมื่อคราวนั้นแล้วกัน ^_^

--------------------------------------------------------------------------------

แล้วทั้งหมดก็กลับมายังห้องหลบภัยในปราสาท ในขณะที่การต่อสู้เพื่อต้านทานพวกจักรพรรดิยังคงดำเนินต่อไป

เนียมิ: คือว่าพวกเราต้องการจะไปวิหาร Kobulr น่ะ แต่มันอยู่ไกลจากที่นี่มากเลย ถ้าหากให้เดินไปล่ะก็ แค่วันนี้ก็คงไม่ถึงแน่ๆ เพราะงั้นก็เลยอยากขอร้องให้เธอช่วยพาพวกเราไปส่งที่นั่นหน่อยจะได้ไหม? พวกเราต้องรีบไปที่นั่นด่วนเลยด้วยนะ

โรโค่: อืม! ได้สิ แล้วพวกพี่จะไปทำอะไรที่นั่นล่ะ?

มิมิ: พวกเราจะนำซิลลี่คีย์ไปเสียบกับ บล็อกกี้ล็อค ที่อยู่ในวิหารนั้น เพื่อปิดผนึกผู้นำจักรพรรดิ ซึ่งถ้าหากทำได้ล่ะก็ สงครามแย่งชิงอาณาจักรในครั้งนี้ก็จะยุติลงไปโดยอัตโนมัติอีกด้วยนะ

โรโค่: โห!! จริงเหรอเนี่ย? ผมไม่เคยทราบเรื่องนี้มาก่อนเลยนะ!

อาร์ค: จริงแท้ยิ่งยวดเลยล่ะ!

อาร์คที่อยู่ๆ ก็กลับมาเมื่อไหร่ไม่ทราบ เดินเข้ามาหาทั้งสาม

อาร์ค: และพวกเจ้ามีเวลานับจากนี้อีกแค่ 6 ชั่วโมงเท่านั้น ก่อนที่ผู้นำจักรพรรดิจะเริ่มใช้ "อาวุธสุดท้าย" จากยานแม่ลำนั้นมาทำลายนครแห่งนี้จนหมดสิ้น

มิมิ: อีกแค่ 6 ชั่วโมงเองเหรอ?? Σ( °o °) งั้นพวกเราก็รีบไปกันเลยเถอะ!!

เนียมิ/โรโค่: โอ้!! \(@^0^@)/

อาร์ค: แต่ข้าขอติดตามไปด้วยนะ เพราะที่วิหารแห่งนั้นเต็มไปด้วยกับดักมากมาย และมีเส้นทางที่สลับซับซ้อนมาก ขื่นเดินเข้าไปมั่วๆ ละก็ มีหวังได้ไปจบชีวิตที่นั่นเป็นแน่

มิมิ: อืม! ได้สิ พวกเรามาร่วมมือกัน!

แล้วทั้งสี่ก็ได้ออกมายังนอกปราสาทและขึ้นมาขี่บนหลังมอคโค่ เพื่อมุ่งหน้าไปยังวิหาร Kobulr

ไดโน: ขอให้โชคดีนะ!! ถ้าหากกลับมาเมื่อไหร่ เดี๋ยวข้าจะเลี้ยงโต๊ะจีนให้เลย!

ไดโนโบกมือลา ส่วนมิมิก็หันมาโบกมือให้เช่นกัน ก่อนที่มอคโค่จะบินหายลับขอบฟ้าไป

และแล้วภารกิจสุดท้ายเพื่อกอบกู้อาณาจักรเทพนิยายของพวกเขาก็ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว!




>>>>> TO BE CONTINUED <<<<<

--------------------------------------------------------------------------------

Get Reward:
Music Unlocked


Misty Er'A / Mycin.T x jam-jam

16 กันยายน 2565

pop'n music RESPECT : STAGE 34 「ดันเจี้ยนบันโซ」

ช่วงเช้าของวันต่อมา ณ มายแคมป์ของทั้งสอง

เนียมิ: ในที่สุดก็เหลือเศษลูกแก้วอีกแค่ชิ้นเดียวแล้วนะ!

เนียมิกล่าวในขณะที่นำซิลลี่คีย์ออกมาดู

มิมิ: อืม! รู้สึกเหมือนเวลาเพิ่งผ่านไปแค่แป๊ปเดียวเองเนอะ

มิมิตอบขณะที่เธอกำลังหวีผมเพื่อเตรียมมัดผมเปียอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง (ส่วนเนียมิแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว)

เนียมิ: นั่นสิ ทั้งที่พวกเราก็ออกเดินทางมาได้ไกลมาก.. อาจจะไกลกว่าทุกครั้งเลยด้วยซ้ำ

มิมิ: อืม! ไม่เหมือนภารกิจของเมืองก่อนๆ เลยจริงๆ ส่วนมากพวกเราจะได้ออกเดินทางเต็มที่ก็แค่บริเวณรอบๆ เมืองเท่านั้น ไม่เคยออกไปไกลจากตัวเมืองขนาดนี้มาก่อนเลย

เนียมิ: แต่หมายความว่า... หากพวกเรารวบรวมเศษลูกแก้วได้ครบหมดแล้ว.. การผจญภัยในอาณาจักรเทพนิยายของพวกเราก็ต้องสิ้นสุดลงแล้วสินะ

มิมิ: ถูกต้องแล้วล่ะ!

จากนั้นเนียมิก็มองดูลูกแก้วบนซิลลี่คีย์อยู่สักพักพลางคิดอะไรไปด้วย ก่อนที่จะเก็บกลับไปโดยใช้พลังจากถุงมือทำให้หายไป

เนียมิ: รู้สึกเสียดายนิดๆ เหมือนกันแฮะ ที่พวกเราอาจจะไม่ได้ใส่ชุดนี้กันแล้ว แต่เพื่อเป้าหมายหลักของพวกเราก็ต้องมุ่งหน้ากันต่อนะ!

มิมิ: อืม!! วันนี้มาพยายามด้วยกันเป็นครั้งสุดท้ายนะ! เออ... ฉันหมายถึงเป็นผู้กล้าครั้งสุดท้ายนะ (^∀^●)ノシ

แล้วมิมิก็เริ่มมัดผมให้เป็นทรงหางเปีย

เนียมิ: เอาล่ะ แล้วสถานที่สุดท้ายที่พวกเราจะได้ไปลุยกันในวันนี้ก็คือ...

เนียมิหยิบแผนที่ของไดโนออกมาเพื่อดูสถานที่ซ่อนเศษลูกแก้วเวทมนตร์ชิ้นสุดท้าย ซึ่งอยู่ที่ "ดันเจี้ยนบันโซ"

--------------------------------------------------------------------------------


STAGE 34
「ดันเจี้ยนบันโซ」


--------------------------------------------------------------------------------

เวลาต่อมาหลังจากที่มิมิแต่งตัวเสร็จแล้ว ก็ได้เวลาที่ทั้งสองมุ่งหน้าไปยังสถานที่ถัดไป

มิมิ: สถานที่ถัดไปเป็น "ดันเจี้ยนบันโซ" งั้นเหรอ?

มิมิกล่าวขณะกำลังดูแผนที่ที่เนียมิกำลังถืออยู่

เนียมิ: อืม! จะว่าไปพวกเราเองก็เคยลุยดันเจี้ยนมาหลายที่แล้วเหมือนกันนะ

มิมิ: นั่นสิ แต่กว่าที่พวกเราจะพิชิตได้ก็เหนื่อยพอดูเลยล่ะ

เนียมิ: หรือว่าบนเกาะป๊อปปิน แต่ละเมืองจะต้องมีดันเจี้ยนอยู่อย่างน้อยหนึ่งแห่ง?

มิมิ: เอ๊!? แต่ที่เมืองแรกไม่มีดันเจี้ยนนะ

เนียมิ: เออ.. ก็นั่นสินะ แต่ก็อาจจะมีอยู่ที่ไหนสักแห่งจริงๆ ก็ได้ เพราะเมืองแรกมันใหญ่เหมือนโตเกียวจริงๆ ไม่มีทางสำรวจได้ครบในวันเดียวอยู่แล้ว

มิมิ: แต่ถ้าเกิดสมมุติว่าที่เมืองพาราไดซ์มีดันเจี้ยนอยู่จริงๆ นะ ฉันคิดว่าอาจจะเป็นดันเจี้ยนในสไตล์กึ่งๆ ไซไฟแน่ๆ เลยล่ะ

เนียมิ: ฮ่าๆ ^_^ ฉันเองก็คิดแบบเดียวกับเธอพอดีเลยล่ะ! แต่ตอนนี้เราเลิกคุยเรื่อยเปื่อย แล้วรีบมุ่งหน้าไปลงดันเจี้ยนกันเร็วๆ ดีกว่า

มิมิ: อืม!! วันนี้พวกเราต้องคว้าเศษลูกแก้วชิ้นสุดท้ายมาให้ได้เลยนะ!

เนียมิ: โอ้!! \(@^0^@)/

และหลังจากที่เดินมาได้สักพัก ในที่สุดก็มาถึงหน้าทางเข้า "ดันเจี้ยนบันโซ" โดยตัวดันเจี้ยนภายนอกมีลักษณะเป็นโดมสีน้ำตาลขนาดใหญ่ ตัวโดมสร้างจากดิน และมีหลุมขนาดใหญ่อยู่รอบโดม

เนียมิ: ที่นี่เหรอ ดันเจี้ยนบันโซ..

มิมิ: หน้าตาดูแปลกๆ ยังไงไม่รู้เหมือนกันนะ (ไม่เคยเห็นแบบนี้มาก่อนเลย)

เนียมิ: เอาเป็นว่าพวกเราก็เข้าไปลุยกันเลยเถอะ!

จากนั้นทั้งสองก็เดินเข้าไปภายในดันเจี้ยนผ่านปากทางเข้าที่อยู่ตรงหน้า

บรรยากาศภายในโดยรวมก็คล้ายกับถ้ำทั่วๆ ไป มีทางเดินเป็นลักษณะถ้ำแคบๆ แต่ไม่ค่อยมืดมิดเท่าไหร่นัก ตลอดทางมีแสงสว่างจากคบเพลิงที่ตั้งอยู่ริมทางของถ้ำเป็นระยะๆ

เนียมิ: แล้วแบบนี้.. ถ้าเกิดพวกเราเจอศัตรู จะให้แปลงร่างกันเลยไหม?

มิมิ: ถ้ายังไม่เจอระดับ "บอส" จริงๆ ฉันว่าลองใช้ซิลลี่คีย์ดูก่อนดีกว่า เพื่อมันอาจจะพอช่วยอะไรแทนกันได้บ้าง

และหลังจากที่เดินมาได้สักพัก ก็มาถึงบริเวณห้องโถงขนาดใหญ่ที่ค่อนข้างกว้าง

แต่ขณะเดียวกันทั้งสองก็ได้พบกับสิ่งมีชีวิตที่อยู่ภายในห้องนี้เป็นจำนวนมาก มีลักษณะคล้ายกับกระรอกแต่ตัวใหญ่เท่ากับพวกเธอ ซึ่งพวกเขาเหมือนกำลังทำงานอะไรบางอย่างอยู่ ทั้งสองจึงหยุดดูที่หน้าปากทางอยู่สักพัก

เนียมิ: ดูเหมือนว่าที่นี่จะเป็นเหมืองนะ และพวกเขาดูท่าทางจะเป็นมิตรกับพวกเราด้วย

และในทันใดนั้น หนึ่งในกระรอกก็หันมาเห็นพวกเธอ

"Σ( °o °) อ้าว! นั่นมันใครกันน่ะ??"

แล้วจากนั้นกระรอกตัวอื่นๆ จึงหันมามองทั้งสองด้วยเช่นกัน

มิมิ: คือพวกเรามาตามหาเศษลูกแก้วเวทมนตร์น่ะคะ ไม่ทราบว่า.. พอจะเห็นกันบ้างไหม?

"เศษลูกแก้วเวทมนตร์เหรอ? มันคืออะไรกัน??"

แล้วมิมิก็เล่าเรื่องภารกิจของพวกเธอให้ฟัง

"อ๋อ.. อย่างนี้เอง ถ้าหมายถึงสิ่งนั้นละก็ มันก็อยู่ตรงนั้นไงล่ะ!"

แล้วเขาก็ชี้ไปทางด้านซ้ายนับจากมุมมองของทั้งสอง ซึ่งจุดนั้นเป็นแท่นบูชาแบบญี่ปุ่น และบนแท่นนั้นมีเศษลูกแก้วเวทมนตร์วางอยู่

เนียมิ: เอ๊!? อยู่บนนั้นเองเหรอ?? Σ( °o °)

มิมิ: ทำไมคราวนี้กับหาเจอได้ง่ายๆ แบบนี้กันล่ะเนี่ย??

ทั้งสองอึ้งสุดขีด เพราะไม่นึกว่าเศษลูกแก้วชิ้นสุดท้ายจะหาเจอได้อย่างง่ายดายขนาดนี้มาก่อน

เนียมิ: ถ้างั้นพวกเราก็ขอรับไปแล้วนะคร๊าา... o(*^@^*)o

"เดี๋ยวก่อน!!"

เขาสั่งห้ามเนียมิที่กำลังเดินไปหาแท่นบูชา

เนียมิ: อ้าว!? ทำไมล่ะ??

"ที่จริงแล้ว... พวกเราเองก็ต้องการพลังจากเศษลูกแก้วนั้นเหมือนกัน..."

มิมิ/เนียมิ: เอ๋??? Σ( °o °)

ทั้งสองตะโกนออกมาด้วยความตลึง

"ใช่ๆ ถ้าหากไม่มีสิ่งนั่นอยู่ละก็ พวกเราก็คงไม่ได้อยู่กันอย่างเป็นสุขแบบนี้แน่"

กระรอกอีกตัวกล่าว

เนียมิ: แล้ว... เหตุใดพวกท่านถึงต้องการพลังจากเศษลูกแก้วนั่นล่ะ??

"คือที่จริงแล้วมันมีสาเหตุและที่มานะ คือว่าเรื่องทั้งหมดมันเป็นแบบนี้... ย้อนไปเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน ในช่วงค่ำของวันหนึ่ง ขณะที่ฉันกำลังกลับมาจากการหาของป่า ฉันก็ได้เห็นหางแสงประหลาดคล้ายกับดาวตก ร่วงลงมาบริเวณใกล้ๆ กับรังของพวกเรา ซึ่งตอนที่มันร่วงลงสู่พื้นได้เกิดแสงสว่างจ้าขึ้นชั่วขณะ ณ จุดที่ตก ด้วยความสงสัยฉันจึงลองเข้าไปดูที่จุดเกิดเหตุ ...เมื่อมาถึงบริเวณจุดที่ตก ก็พบกับ "เม็ดพลอย" ลึกลับที่ตกอยู่ตรงจุดนั้น ซึ่งเม็ดพลอยนั้นเปล่งแสงสีขาวและมีประกายที่สวยงามมาก ฉันจึงตัดสินใจเก็บมันกลับมาด้วย ...และหลังจากที่พยายามหาข้อมูล ก็ไม่ปรากฏว่ามีอัญมณีที่มีลักษณะเดียวกันนี้อยู่บนโลกนี้แต่อย่างใด พวกเราก็เลยเชื่อกันว่าเศษอัญมณีชิ้นนี้อาจจะเป็นของขวัญที่พระเจ้าประทานมาให้กับพวกเราชาวบันโซก็เป็นได้ เพราะในขณะนั้นพวกเรากำลังสูญเสียเครื่องรางที่สำคัญของพวกเราไปน่ะ"

มิมิ: เครื่องรางงั้นเหรอ?

"อืม! มันเป็นเครื่องรางศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยป้องกันไม่ให้มีศัตรูหรือสิ่งอื่นใดรุกล้ำเข้ามาภายในรังแห่งนี้ได้ ซึ่งเครื่องรางที่ว่านี้ได้หายไปจากแท่นบูชาอย่างลึกลับในวันหนึ่ง และจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีเบาะแสเกี่ยวกับเครื่องรางที่หายไปแต่อย่างใด"

เนียมิ: แล้วถ้าเกิดไม่มีเครื่องรางนั้นอยู่ มันจะเกิดอะไรขึ้นกับพวกท่านงั้นเหรอ?

"ก็... ที่จริงแล้วบริเวณใต้ดินลึกลงไปจากจุดนี้ มีสัตว์ประหลาดชั่วร้ายออกอาละวาดอยู่น่ะ"

เนียมิ: สัตว์ประหลาด?

"มันเป็นสัตว์ประหลาดยักษ์ลึกลับที่ออกหากินไปทั่วใต้ดิน มันสามารถ "ขุด" โพรงไปยังที่ไหนก็ได้ในใต้พิภพแห่งนี้ และที่นี่ก็คือเป้าหมายหลักของมันซะด้วย แต่ด้วยพลังเวทมนตร์จากเครื่องรางทำให้มันไม่สามารถบุกเข้ามายังภายในรังแห่งนี้ได้ยังไงล่ะ!"

มิมิ: งั้นก็แสดงว่าเศษลูกแก้วนี้... มันมีพลังแบบเดียวกันสินะ?

"ถูกต้องแล้ว! เพราะหลังจากที่ลองนำมาวางบนแท่นบูชาดู ก็พบว่ามันสามารถสร้างอาณาเขตเวทมนตร์ได้เหมือนกับเครื่องรางที่หายไปได้ด้วย พวกเราก็เลยเชื่อว่าเป็นของประทานจากพระเจ้ายังไงล่ะ! ...แต่ทว่า หลังจากนั้นไม่กี่วัน ก็มีเจ้าหน้าที่ของพระราชวังเดินทางมาเยี่ยมรังแห่งนี้ ซึ่งพวกเขาได้ถามหา "เศษลูกแก้วเวทมนตร์" เหมือนกับที่พวกเธอถามหานี่แหละ พวกเราก็เลยตอบไปว่าไม่มีของที่ว่านี้อยู่ ...จนมาทราบจากข่าวลือทีหลังว่าเศษอัญมณีชิ้นนี้ก็คือ เศษลูกแก้วเวทมนตร์ และก็ไม่ใช่สิ่งที่พระเจ้าทรงประทานมาให้ แต่เป็นเศษลูกแก้วของซิลลี่คีย์ที่แตกออกแล้วกระจายไปตามที่ต่างๆ ทั่วราชอาณาจักรต่างหาก..."

เนียมิ: แล้วในเมื่อพวกท่านทราบแล้วว่ามันคือเศษลูกแก้วเวทมนตร์ของซิลลี่คีย์ แล้วทำไมถึงไม่นำไปคืนให้กับพระราชวังล่ะ?

เนียมิเริ่มขึ้นเสียงด้วยความซีเรียส

"ก็เพราะเหตุผลที่เราได้เล่าไปแล้วยังไงล่ะ ถ้าหากไม่มีอาณาเขตเวทมนตร์ป้องกันไว้ล่ะก็.. รังของพวกเราก็คงไม่เหลือด้วยฝีมือของสัตว์ประหลาดยักษ์นั้นแน่"

มิมิ: งั้นก็หมายความว่าสิ่งที่จะให้พวกเราทำเพื่อแลกกับเศษลูกแก้วชิ้นนี้ก็คือ...?

"อืม! ไปตามหา "เครื่องรางแห่งอาโกน่า" ที่หายไปกลับคืนมาให้ได้ แล้วเราจะให้เศษลูกแก้วกับพวกเธอทั้งสองเป็นการตอบแทน"

เนียมิ: โอเค!! (゜▽゜*)♪ ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ไปลุยกันเลยดีกว่า... แต่เอ๋ แล้วจะให้ไปหาที่ไหนล่ะ?? (´・ω・`)?

"ฉันได้ยินมาว่ามันหายไปในพื้นที่ใต้ดินลึกลงไปจากรังของพวกเราน่ะ แต่ไม่รู้อยู่ที่ไหนในนั้น"

กระรอกบันโซตัวหนึ่งให้เบาะแสกับทั้งสอง

มิมิ: พื้นที่ที่อยู่ลึกลงไปจากที่นี่อีกงั้นเหรอ?

"อืม! บริเวณอาณาเขตของพวกเราจะแบ่งเป็นโซนต่างๆ คล้ายกับหมู่บ้านทั่วไป แต่หลักๆ จะมีพื้นที่ที่ใช้งานประจำอยู่แค่สองแห่งเท่านั้นคือ เขตที่อยู่อาศัย กับเขตเหมืองแร่ หากเลยออกไปนอกอาณาเขตของพวกเราก็จะเป็น "พื้นที่ต้องห้าม" ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อยู่นอกแนวป้องกันของเครื่องราง และพวกเราก็ไม่มีใครกล้าออกไปยังพื้นที่นอกแนวป้องกันนั้นแม้แต่คนเดียว เพราะมันอันตรายมาก"

เนียมิ: แล้วพื้นที่ที่ว่านี้มันอยู่ตรงไหน? ช่วยพาพวกเราไปยังที่นั้นได้ไหม?

"ได้สิ! ตามมาเลย!"

แล้วหัวหน้ากระรอกก็พาทั้งสองไปยังจุดหนึ่งภายในถ้ำ ซึ่งอยู่ลึกเข้าไปจากจุดแรกพอสมควร

"นี่แหละ คือประตูที่จะเปิดไปยังพื้นที่นอกแนวป้องกัน"

สิ่งที่ทั้งสองเห็นตรงหน้า คือประตูเหล็กขนาดค่อนข้างใหญ่พอสมควร

เนียมิ: แล้วพื้นที่นอกแนวป้องกันมันมีลักษณะเป็นยังไง พอจะทราบข้อมูลไหม?

"ก็... เป็นเหมือนกับเขาวงกตน่ะ มันมีทางที่เชื่อมต่อไปยังสถานที่ต่างๆ ภายในใต้พิภพ ซึ่งอาจจะเป็นทะเลสาบใต้ดิน หรืออาจจะเป็นรังของเผ่าพันธุ์ต่างๆ ก็เป็นได้ แต่ที่แน่ๆ คือ ระหว่างทางไปยังที่ต่างๆ นั้นไม่มีแสงสว่างเลย ถ้าพวกเธอจะไป พวกเธอต้องเตรียมสิ่งช่วยให้แสงสว่างไปด้วยนะ"

มิมิ: รับทราบค่ะ!!

"และก่อนไป ฉันจะขอเตือนอะไรนิดหนึ่งนะ... ถ้าหากพวกเธอได้ยินเสียงแปลกๆ คล้ายกับเสียงกระแทก ให้เตรียมเผ่นได้เลยนะ เพราะนั่นแหละคือเสียงขุดดินของสัตว์ประหลาดยักษ์"

เนียมิ: มิมิจัง พร้อมแล้วหรือยัง?

มิมิ: อืม! ถึงจะรู้สึกไม่อยากไป แต่ก็ต้องไปแล้วล่ะ!

แล้วประตูเหล็กบานใหญ่ก็ค่อยๆ เปิดออกมาอย่างช้าๆ ซึ่งหลังประตูนั้นมืดสนิท

มิมิพลางกลืนน้ำลายตัวเองด้วยความตื่นเต้น ก่อนที่ทั้งสองจะเดินเข้าไปหลังประตูนั้น

"ขอให้โชคดีล่ะ!!"

หัวหน้ากระรอกกล่าวส่งท้าย ก่อนที่ประตูเหล็กจะค่อยๆ ปิดลงจนสนิท

ระหว่างทางที่ทั้งสองกำลังเดินไปเรื่อยๆ เนียมิได้ใช้ไฟฉายช่วยส่องทาง

เนียมิ: อืม.. ในนี้มืดจริงๆ แฮะ (เหมือนกับดันเจี้ยนซากโบราณป๊อปปินไม่มีผิดเลย)

และในระหว่างนั้นเนียมิก็หันไปสังเกตเห็นว่า มิมิกำลังเดินไปด้วยสีหน้ากล้าๆ กลัวๆ

เนียมิ: มิมิจัง เธอยังโอเคอยู่หรือเปล่า? (ท่าทางดูเดินแบบกล้าๆ กลัวๆ)

มิมิ: อืม! โอเคอยู่จ๊ะ ฉันไม่กลัวอะไรหรอก... ( ̄▽ ̄|||)

และหลังจากที่เดินมาได้สักพักใหญ่ ก็พบว่าตรงหน้าเป็นเหมือนกับห้องขนาดใหญ่

เนียมิ: เจอห้องโถงใหญ่แล้วล่ะ แล้วจะไปทางไหนกันดี?

มิมิ: ลองเดินตรงไปเรื่อยๆ ดูก่อนดีกว่า

แล้วเนียมิจึงใช้เข็มทิศช่วยจดจำทิศทางที่กำลังเดิน

แต่ทว่า หลังจากที่เดินมาได้ไม่นานก็พบกับทางตัน ทั้งสองจึงลองเดินไปยังทางซ้ายนับจากทางตัน

และหลังจากที่เดินไปเรื่อยๆ ก็พบว่าทิศทางนี้สามารถเดินต่อไปได้เรื่อยๆ

มิมิ: อืม.. ฉันว่ามันรู้สึกแปลกๆ อยู่นะ?

เนียมิ: ทำไมเหรอ?

มิมิ: ก็ทางมันเดินต่อไปได้เรื่อยๆ แต่ขนาดของห้องกลับกว้างกว่าเส้นทางที่พวกเราเดินกันมาก่อนหน้านี้นะ?

เนียมิ: เออ.. อาจจะเป็นห้องโถงก็ได้

มิมิ: แต่ฉันว่ามันไม่น่าใช่นะ เพราะถ้าเป็นลักษณะห้องโถงจริงๆ เส้นทางคงไม่ทอดยาวแบบนี้แน่ๆ ...

และในทันใดนั้น ก็เกิดแรงสั่นสะเทือนขึ้นมา ทำให้ทั้งสองเริ่มระวังตัว

เนียมิ: อะไรน่ะ?!

ทั้งสองหันไปมองรอบๆ เพื่อหาที่มาของแรงสั่นสะเทือน

จากนั้นสักพักก็มีแสงไฟปรากฏขึ้นมายังทิศทางที่พวกเธอเดินผ่านมา ทั้งสองจึงมองไปยังแสงไฟนั้น

แล้วจากนั้นไม่นานก็ปรากฏร่างของสัตว์ประหลาดขนาดใหญ่ที่กำลังเคลื่อนที่มาด้วยความเร็ว มีลักษณะเป็นตัวตุ่นที่ดูคล้ายกับหุ่นยนต์ มีจมูกเป็นสว่าน และแสงไฟนั้นเป็นแสงจากไฟฉายที่ส่องออกมาจากดวงตาของมัน

มิมิ/เนียมิ: อ๊าาาาาาา!! ∑(°ロ°)

ทั้งสองตะโกนร้องด้วยความตกใจ แล้วจากนั้นทั้งสองจึงวิ่งหนีตัวตุ่นยักษ์ที่กำลังไล่ตามพวกเธอ

ทั้งสองวิ่งอย่างสุดกำลัง แต่ฝ่ายตัวตุ่นยักษ์กลับค่อยๆ เข้ามาใกล้ได้เรื่อยๆ เพราะเคลื่อนที่ได้เร็วกว่า

มิมิ: เนียมิจัง! เดี๋ยวฉันจะใช้ "ซิลลี่คีย์" นะ!!

เนียมิ: เอ๊!?

จากนั้นมิมิก็เรียกกุญแจซิลลี่คีย์ออกมาบนมือ

มิมิ: เดี๋ยวฉันจะใช้กุญแจนี้เปิดประตูมิติบนพื้นนะ เตรียมตัว "กระโดด" ลงไปได้

เนียมิ: โอเค!!

แล้วจากนั้นเธอก็ได้ใช้ซิลลี่คีย์ปักลงไปบนพื้น และทันทีที่กุญแจถูกปักลงพื้น ก็เกิดประตูมิติขึ้นที่พื้นตรงหน้าของจุดที่ปักกุญแจ

แล้วทั้งสองก็กระโดดลงไปในประตูมิตินั้น แต่เนียมิกลับร้องเสียงหลงราวกับนั่งรถไฟเหาะเพราะว่ากำลัง "ร่วง" ลงไปอย่างต่อเนื่องภายในมิตินี้


และหลังจากที่ร่วงลงมาได้สักพัก ก็พบกับประตูมิติอีกบานที่อยู่ด้านล่าง ซึ่งประตูนั้นมีแสงสีขาวส่องออกมา

และหลังจากที่ทั้งสองได้เข้าประตูมิตินั้นไปแล้ว ทั้งสองก็ได้โผล่ออกมายังสถานที่หนึ่งด้วยการร่วงลงมาจากประตูมิติ

เนียมิ: โอ้ยๆๆ >﹏<

เนียมิค่อยๆ ลุกขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด ส่วนมิมิกลับไม่เป็นไร ยืนอยู่ได้ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

มิมิ: ที่หลังตอนร่วงลงมาจากประตูมิติ เธอก็ตั้งท่าตอนลงให้มันตรงๆ สิ! ถ้าหันก้นลงพื้น เธอก็บาดเจ็บน่ะสิ!!

เนียมิ: แต่ฉันกลัวขาหักนี่นา...

มิมิ: ฮ่าๆ ^_^ มันไม่เป็นไรหรอก ตอนที่ออกจากประตูมิติจะมีแรงโน้มถ่วงพิเศษเกิดขึ้น ถ้าตั้งท่ายืนให้ตรงก็ไม่เป็นไรหรอก (ก็คล้ายกับตอนที่ออกจากมิติแปลงร่างนั่นไง)

เนียมิ: อืม! ฉันเข้าใจแล้ว ว่าแต่.. เรามาอยู่ที่ไหนกัน??

แล้วจากนั้นทั้งสองก็เริ่มมองสำรวจสถานที่โดยรอบ พบว่าที่นี่มีลักษณะเป็นเหมือนกับริมทะเลสาบ

เนียมิ: นี่พวกเรา... ออกมาอยู่นอกถ้ำแล้วเหรอ??

มิมิ: ฉันว่าดูแล้วไม่น่าจะใช่นะ เหมือนที่นี่จะเป็นห้องแห่งหนึ่งที่อยู่ในถ้ำ...

เนียมิ: แต่บรรยากาศมันอยู่นอกถ้ำชัดๆ เลยนี่นา แล้วทำไมเธอถึงคิดว่ามันไม่ใช่ล่ะ?

มิมิ: ก็ลองมองดูที่ด้านบนสิ

แล้วเนียมิก็หันขึ้นไปมองฟ้าตามที่บอก พบว่าดวงดาวที่อยู่บนฟ้านั้นมีระดับความสูงที่ต่ำผิดปกติ ดูคล้ายกับเป็นท้องฟ้าจำลอง

เนียมิ: จริงด้วย! มันเหมือน... ท้องฟ้าจำลองไม่มีผิดเลยล่ะ!!

มิมิ: ฉันว่าที่นี่อาจจะเป็นห้องหรือสถานที่ของอะไรสักอย่างก็ได้นะ เพราะฉันก็ยังควบคุมเส้นทางการเทเลพอร์ตของกุญแจไม่ได้เหมือนกัน

แล้วจากนั้นทั้งสองก็เริ่มเดินสำรวจไปตามเส้นทาง ซึ่งตลอดข้างทางมีลักษณะเป็นป่าที่เต็มไปด้วยดอกไม้ชนิดต่างๆ และมีหิ่งห้อยมากมาย

เนียมิ: ที่นี่ดูสวยจังนะ อย่างกับไม่ได้เดินอยู่ในดันเจี้ยนจริงๆ

มิมิ: อืม! โรแมนติกมากเลยล่ะ!

และหลังจากที่เดินมาได้พักใหญ่ ทั้งสองก็มาจนถึงทางตัน ซึ่งตรงหน้าเป็นเหมือนกับลานกว้างที่ล้อมด้วยต้นไม้สูงแต่ไม่กว้างมาก

เนียมิ: ไม่มีทางให้ไปต่อแล้วแฮะ...

"พวกเจ้ากำลังตามหาข้าอยู่เหรอ..."

มิมิ/เนียมิ: ห๊ะ!? (⊙_⊙)?

อยู่ๆ ก็มีเสียงผู้หญิงปริศนาเรียกขึ้นมา แล้วจากนั้นก็มีผีเสื้อสีดำ-แดงจำนวนมากบินมารวมตัวกันตรงลานว่างดังกล่าว แล้วสักพักกลุ่มผีเสื้อที่รวมตัวกันก็กลายเป็นหญิงสาวคนหนึ่ง เธอสวมชุดสีน้ำเงินเป็นชุดคล้ายกับแม่มด มีผมสีแดงอมชมพู และมีดวงตาสีรุ้งที่วาวเป็นประกาย

มิมิ: คุณเป็นใครกันน่ะ? (⊙_⊙;)

"ขอต้อนรับสู่ "ป่านิรันดร์" ข้าเป็นภูตที่คอยปกปักรักษาทะเลสาบและป่าแห่งนี้ ข้ามีนามว่า "มิมิวันเดอร์ อิโลริน (Mimiwonder Ilorin)""

เนียมิ: "มิมิวันเดอร์ อิโลริน" ?? (⊙_⊙;)

มิมิ: แถมชื่อก็เหมือนกับฉันด้วยนะ!

อิโลริน: ฮ่าๆ ^_^ จะเรียกข้าสั้นๆ ว่า "อิโลริน" ก็ได้นะ ไม่ต้องเกรงใจ

มิมิ: งั้นก็.. ยินดีที่ได้รู้จักด้วยนะคะ ท่านอิโลริน ^_^

อิโลริน: ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันจ๊ะ! แล้วพวกเจ้าทั้งสองกำลังมีเรื่องอะไรที่อยากให้ข้าช่วยอยู่หรือเปล่า?

เนียมิ: คือว่า... พวกเรากำลังตามหา "เครื่องรางแห่งอาโกน่า" กันอยู่น่ะคะ ท่านพอจะทราบไหมว่ามันอยู่ที่ไหน?

ทันทีที่อิโลรินได้ยินคำถามของเนียมิ เธอก็ออกอาการตกใจเล็กน้อย

อิโลริน: แล้วพวกเจ้า... ต้องการเครื่องรางไปเพื่ออะไร?

มิมิ: ตอนนี้ชาวเผ่าบันโซกำลังเดือดร้อนอยู่น่ะคะ เพราะเครื่องรางที่ว่าได้หายไปจาก... เออ.. ศาลเจ้าของหมู่บ้าน

จากนั้นอิโลรินก็ยืนคิดอะไรอยู่พักหนึ่ง

อิโลริน: อืม... หัวหน้าเผ่าบันโซสั่งให้พวกเจ้ามาตามหาเครื่องรางนี้ใช่ไหม?

มิมิ: ก็ใช่สิคะ และพวกเขาต้องการคืนด่วนที่สุดด้วย

อิโลริน: ข้านี่แหละคือ จิตวิญญาณของเครื่องรางแห่งอาโกน่า

มิมิ/เนียมิ: อะไรนะ?! ∑(°ロ°)

ทั้งสองตะโกนออกมาแทบจะพร้อมกันด้วยความอึ้ง

อิโลริน: จริงๆ แล้วเครื่องรางมันไม่ได้หายไปเองหรอก แต่เป็นเพราะพวกเผ่าบันโซโลภมากต่างหาก...

มิมิ: หมายความว่ายังไง?

อิโลริน: ก็เพราะพวกมันเอาแต่เพิ่งพลังของสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างข้าน่ะสิ พวกเขาต้องลองหักเพิ่งพาด้วยลำแข้งของตัวเองสักบ้าง...!

เนียมิ: เดี๋ยวก่อนนะ... "ร่างจริง" ของเธอก็คือ... เครื่องรางแห่งอาโกน่า ถูกไหม?

อิโลริน: ไม่ใช่.. ข้าเป็นผู้พิทักษ์ของเครื่องรางนั้นอีกที

เนียมิ: แล้ว...!! เครื่องรางมันอยู่ที่ไหน? อยู่กับเจ้าใช่ไหม?

อิโลริน: ถ้าอยากได้คืนมากขนาดนั้นละก็ ข้าต้องขอเล่าอะไรให้พวกเจ้าเข้าใจสักหน่อยแล้วกันนะ... "เครื่องรางแห่งอาโกน่า" น่ะ แท้จริงแล้วเป็นเครื่องรางศักดิ์สิทธิ์ประจำชนเผ่าบันโซในยุคก่อน ซึ่งในยุคก่อนป่านี้เคยเป็นที่อยู่อาศัยเดิมของชนเผ่าบันโซ แต่พอมาถึงยุคหนึ่งพวกเขาต้องการแสวงหาความมั่งคั่ง พวกเขาจึงตัดสินใจทิ้งป่าแห่งนี้ไป ทำให้ป่านี้กลายสภาพเป็นป่าร้าง... แต่ด้วยพลังของ "เครื่องรางแห่งอาโกน่า" ที่ยังคงประจำอยู่ที่ศาลเจ้าแห่งป่าเก่านี้ ทำให้ป่ายังคงมีสภาพที่อุดมสมบูรณ์เหมือนกับช่วงก่อนที่พวกเขาจะหายออกไป... แต่ทว่า... ในห้วงเวลาหนึ่งของยุคปัจจุบัน พวกเขาได้หาทางกลับมาที่ป่าเก่าแห่งนี้ เพื่อที่จะนำ "เครื่องรางแห่งอาโกน่า" ออกไปประจำ ณ ศาลเจ้าของเมืองใหม่ ทำให้ป่านี้ค่อยๆ เริ่มทรุดโทรมไปตามกาลเวลาเนื่องจากไม่มีพลังของเครื่องรางหล่อเลี้ยงไว้ ซึ่งถ้าหากปล่อยไว้นานกว่านี้อีกล่ะก็... แม้แต่โพรงในถ้ำแห่งนี้ทั้งหมดก็ไม่เหลือแน่

มิมิ: อ๋อ!! เข้าใจแล้ว เครื่องรางนี้ก็คือ สิ่งที่ช่วยหล่อเลี้ยงชาวบันโซสินะ!

อิโลริน: ถูกต้อง!! เธอเข้าใจถูกแล้ว!!

เนียมิ: แต่ว่า.. จะปล่อยให้ที่อยู่ใหม่ถูกเจ้าตัวตุ่นยักษ์ทำลายก็ไม่ได้ด้วยสิ

อิโลริน: "ตัวตุ่นยักษ์" เหรอ?

มิมิ: ค่ะ!! เขาบอกมาว่า มันจ้องคอยจะเข้าทำลายที่อยู่ปัจจุบันให้ได้น่ะคะ! และถ้าหากไม่มีเครื่องรางนั้นละก็ มันต้องบุกเข้ามาได้อย่างแน่นอน!!

จากนั้นอิโลรินก็ยืนคิดอะไรอยู่พักหนึ่ง

อิโลริน: อืม... นั่นก็คือสาเหตุที่พวกเขาต้องการเครื่องรางสินะ?

เนียมิ: ค่ะ... (˘・_・˘)

อิโลริน: แต่ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับตัวตุ่นยักษ์มาก่อนเลยนะ??

มิมิ: เอ๊!? รู้อะไรงั้นเหรอ??

อิโลริน: พวกเผ่าตัวตุ่นในแดนใต้พิภพแถวนี้ที่ข้ารู้จัก ก็มีแต่พวกตัวเล็กๆ เท่าฝ่ามือนี่แหละ ตัวใหญ่ยักษ์ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย...? แล้วตัวตุ่นที่พวกนั้นเจอ เจ้ารู้ไหมว่ามันมีลักษณะเป็นยังไง?

แล้วเนียมิก็เล่าลักษณะของตัวตุ่นยักษ์ที่เจอเมื่อสักครู่ให้ฟัง

อิโลริน: อืม... ถ้าคล้ายๆ กับแบบนั้นข้าพอจะรู้จักนะ เขามีชื่อว่า "ซูเปอร์โมคุ" (SUPERモグー) เป็นตัวตุ่น... ที่กำลังตามล้างแค้นเพื่อคนรักของเขา...

มิมิ: ล้างแค้น??

อิโลริน: เออ.. ข้าก็ไม่ค่อยรู้รายละเอียดของเขาเท่าไหร่หรอกนะ แต่ได้ยินว่าคนรักของเขาที่เป็นตัวตุ่นเหมือนกันถูกพวกกระรอกบันโซทำร้ายเนื่องจากเหตุเข้าใจผิดบางอย่าง

แล้วเนียมิก็ใช้กำปั้นทุบฝ่ามืออีกข้างหลังจากที่นึกอะไรได้

เนียมิ: อย่างนี้นี่เอง! มันก็เลยอยากจะบุกเหมืองแร่ของบันโซให้ได้สินะ..!

อิโลริน: อาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้... แต่ข้าช่วยอะไรไม่ได้หรอกนะ (ปล่อยไปตามมีตามเกิด)

แล้วทั้งสองก็หันมาคุยกันเอง

มิมิ: หรือว่า... นี่อาจจะเป็นฝีมือของ เซ?

เนียมิ: อืม!! น่าจะเป็นไปได้นะ!

มิมิ: แล้วถ้าที่เห็นตอนนั้นเป็น "ซูเปอร์โมคุ" จริงๆ แล้วเพราะอะไรถึงทำให้มันตัวใหญ่ขึ้นมาได้?

แล้วในทันใดนั้น ก็เกิดแรงสั่นสะเทือนขึ้นมา

เนียมิ: อีกแล้ว!?

มิมิ: หรือว่า...? (⊙_⊙;)

ส่วนอิโลรินก็เริ่มสงสัยกับแรงสั่นสะเทือน

จากนั้นก็เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นมาที่จุดหนึ่ง พร้อมกับเกิดแรงสั่นสะเทือนขึ้นมาอย่างรุนแรงครั้งหนึ่งในจังหวะที่ระเบิด

มิมิ: สงสัยจะเป็นฝีมือของตัวตุ่นนั้นแน่ๆ เลยล่ะ!

เนียมิ: พวกเรารีบไปดูกันเถอะ!!

แล้วทั้งหมดก็รีบวิ่งไปยังทิศทางที่ได้ยินเสียงระเบิด

ทั้งสองได้วิ่งมาถึงบริเวณทะเลสาบ ซึ่งตรงทะเลสาบมีสะพานไม้ที่เชื่อมไปยังเกาะเล็กๆ ที่อยู่กลางทะเลสาบ

เนียมิ: ห๊ะ!? (⊙_⊙;)

มิมิ: ไม่จริงน่ะ!? (⊙_⊙;)

สิ่งที่ทั้งสองได้เห็นตรงริมทะเลสาบ ก็คือตัวตุ่นยักษ์ที่ไล่ตามพวกเธอเมื่อครู่นี้

"ฮ่าๆๆ ข้าได้ยินสิ่งที่พวกเจ้าเม้าท์กันหมดแล้วล่ะ ขอแค่ทำลายเครื่องรางที่อยู่ตรงนั้นก็พอใช้ไหม?"

ตัวตุ่นยักษ์หันหน้าไปทางเกาะเล็กกลางทะเลสาบซึ่งมีศาลเจ้าญี่ปุ่นอยู่ และบนหิ้งบูชาในศาลมี "เครื่องรางแห่งอาโกน่า" วางอยู่

เนียมิ: แกเองสินะ "ซูเปอร์โมคุ"

"ฮ่าๆ ใช่แล้วล่ะ ข้าเองนี่แหละ "ซูเปอร์โมคุ" สุดยอดนักขุดในตำนานยังไงล่ะ!!"

เนียมิ: ทำไมแกถึงเคียดแค้นเผ่าบันโซมากขนาดนั้นล่ะ?

ซูเปอร์โมคุ: ก็เพราะพวกมันจับแฟนสาวของข้าไป เพื่อแลกกับสมบัติที่ข้าขุดหามาได้ยังไงล่ะ!

เนียมิ: เอ๊? มันยังไงเหรอ ไม่เห็นเข้าใจเลย...

ซูเปอร์โมคุ: เออ..ไม่เข้าใจเหรอ... ก็แบบว่า มันจับตัวไปเพื่อเรียกค่าไถ่น่ะ และค่าไถ่ที่เรียกก็คือสมบัติหายากที่ข้าขุดมาได้ พอข้ามอบสมบัติหายากที่มันต้องการไป พวกเขาถึงยอมปล่อยตัวแฟนสาวกลับมา...

เนียมิ: อ๋อ.. เข้าใจแล้ว

มิมิ: แต่เอ๋... มันฟ้งดูแปลกๆ อยู่นะ? พวกเขาเรียกค่าไถ่จริงๆ เหรอ?

ซูเปอร์โมคุ: จริงสิ! พวกมันไม่มีเหตุผลอื่นนอกจากต้องการเงินเท่านั้นแหละ!

มิมิ: แต่ฉันว่าพวกเขาอยากได้ตัวแฟนสาวมากกว่าสมบัตินะ... นี่อาจจะเป็นแผนการเพื่อแย่งชิงแฟนสาวจากนายก็ได้ (〃 ̄︶ ̄)

ซูเปอร์โมคุ: ก็บอกว่าไม่ใช่ยังไงเล่า!! `(*>﹏<*)′ ...แต่ถึงยังไงข้าก็ยังรู้สึกแค้นไม่หายอยู่ดี! เพราะฉะนั้นแค้นนี้ก็ต้องชำระทั้งอาณาจักร!

เนียมิ: เอายังไงดี?

เนียมิหันมาทางมิมิ

มิมิ: เออ... แปลงร่างกันเถอะ!

แล้วจากนั้นทั้งคู่ก็ยกแขนข้างที่สวมกำไลแปลงร่างขึ้นมา แล้วตะโกนว่า

มิมิ/เนียมิ: "ป๊อปปินแปลงร่าง!!"

จากนั้นก็เกิดคลื่นแสงสีชมพูออกมาจากกำไล ก่อนที่คลื่นแสงจะเข้ามาครอบร่าง

จากนั้นทั้งคู่ก็เข้าไปอยู่ในมิติพิเศษ แล้วชิ้นส่วนของชุดป๊อปเปอร์สก็ค่อยๆ ปรากฏออกมาตามตัว เริ่มจากรองเท้า ถุงน่อง ถุงมือและถุงแขน ชุด และสุดท้ายหมวกกับผมเกลียวด้านข้างที่เพิ่มมา

หลังจากที่แปลงร่างเสร็จแล้วทั้งคู่ก็ออกจากมิติแปลงร่างด้วยการพุ่งตัวลงมาจากฟ้า เมื่อเท้าแตะพื้นแล้วก็ถึงเวลาเริ่มกล่าวบทแนะนำประจำตัว

ป๊อปเลิฟ: ด้วยรักและมิตรภาพ ป๊อปเลิฟ!

ป๊อปพีช: ด้วยสุขและสันติภาพ ป๊อปพีช!

ป๊อปเลิฟ/พีช: พวกเราคือ... ป๊อปเปอร์ส!!

ป๊อปเลิฟ: เจ้าผู้ที่ทำให้ความเคารพต้องสูญสลาย

ป๊อปพีช: จงหยุดการกระทำที่โลภมากของแกซะ

หลังจบฉากแปลงร่าง ทั้งสองฝ่ายต่างจ้องมองกันและกัน

ซูเปอร์โมคุ: เอ๊... พวกเจ้าคือใครกันน่ะ?? (⊙_⊙)?

เขาถามด้วยความสงสัย เพราะว่า "ทรงผม" ของพวกเธอไม่เหมือนเดิม ทำให้ดูเหมือนเป็นคนละคน

ป๊อปพีช: เออ... แบบว่า...

ป๊อปเลิฟ: มาสู้กันด้วยการเล่นป๊อปปินดีกว่า!! (^_<)☆

ป๊อปเลิฟแทรกหน้าเข้ามาตอบแทนป๊อปพีช

ซูเปอร์โมคุ: ป๊อปปินแบทเทิลเหรอ... ได้สิ! แต่ถ้าหากพวกเจ้าเป็นฝ่ายแพ้ ข้าจะขอทำลายศาลเจ้าที่อยู่ตรงนั้นก็แล้วกันนะ!

แล้วจากนั้นอิโลรินก็วิ่งเข้ามา

อิโลริน: ให้ข้าแข่งแทนเถอะ!!

ป๊อปพีช: ไม่ได้นะมันอันตราย ถ้าหากเธอแพ้ล่ะก็ เธออาจจะไม่รอดก็ได้

อิโลริน: แต่ว่า ข้าเป็นผู้พิทักษ์ชาวบันโซนะ เพราะฉะนั้น ให้ข้าแข่งเองเถอะ!

ป๊อปเลิฟ: พวกเราเอาชนะคู่ต่อสู้มาได้หลายรายแล้ว ไม่ต้องห่วง! (^_<)☆

อิโลริน: เออ.. งั้นก็ตามใจ แล้วก็ขอให้โชคดีนะ...

ซูเปอร์โมคุ: โธ่ๆ มัวแต่เม้าท์กันอยู่นั่นแหละ เสียเวลาจริงๆ งั้นข้าขอเริ่มแข่งกับพวกเจ้าทั้งสองนี่เลยแล้วกันนะ!!

ป๊อปพีช: โอเค!!

แล้วจากนั้นป๊อปเลิฟก็สังเกตเห็นถึงความผิดปกติบางอย่างบนตัวของเขา

ป๊อปเลิฟ: เอ๊...?

ป๊อปพีช: มีอะไรเหรอ?

ป๊อปเลิฟ: ซูเปอร์โมคุ... กำลังถูกพลังบางอย่างครอบงำอยู่

สิ่งที่ป๊อปเลิฟเห็นก็คือคลื่นออร่าสีดำ-ม่วงที่อยู่รอบตัวของเขา และในขณะเดียวกันป๊อปพีชเองก็เพิ่งมาสังเกตเห็นเช่นกัน

ป๊อปพีช: จริงด้วย!! Σ( °_ °)

ป๊อปเลิฟ: พลังนั้นมันดูเหมือนกับ... พีช!! มาใช้ "นั่น" กัน

ป๊อปพีช: อะ.. อืม!!

แล้วทั้งคู่ก็เรียกเกียร์วิเศษออกมาจากเข็มกลัดบนชุด โดยมีลูกพลังออกมาจากเข็มกลัด ก่อนที่ลูกพลังทั้งสองจะเข้ามาหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน แล้วจากนั้นลูกพลังก็แปลงสภาพกลายเป็นเกียร์อีกที

จากนั้นทั้งคู่ก็มายืนอยู่หน้าเกียร์วิเศษด้วยกันเพื่อเตรียมเริ่มเล่นป๊อปปิน

ซูเปอร์โมคุ: สองรุมหนึ่งเหรอ? ต่อให้เล่นแบบนั้นข้าก็สู้ได้นะ!

ป๊อปพีช: ใช่สองรุมหนึ่งซะที่ไหนล่ะ ก็มีเกียร์อยู่แค่ตัวเดียวนี่..? เนอะ!

ป๊อปเลิฟ: อะ.. อืม!! (^_^;)

ซูเปอร์โมคุ: เอาเถอะๆ งั้นก็มาเริ่มแข่งกันเลยดีกว่า!

ป๊อปเลิฟ/พีช: Let's pop'n music together! O(∩_∩)O

แล้วจากนั้นทั้งคู่ก็เริ่มเล่นป๊อปปินด้วยเกียร์ตัวเดียวกัน โดยแบ่งกันกดปุ่มคนละฝั่ง

===== POP'N BATTLE =====
POPPERS vs SUPERモグー
復讐 (Revenge) / ND Lee
===== END BATTLE =====

ผลการแข่งขัน ป๊อปเปอร์สเป็นฝ่ายชนะ

ป๊อปเลิฟ/พีช: (〃 ̄︶ ̄)人( ̄︶ ̄〃)

และทันทีที่การแข่งขันจบลง ก็เกิดแสงสว่างขึ้นมารอบตัวของซูเปอร์โมคุ และจากนั้นก็มีบางสิ่งลอยออกมาจากตัวของเขา

สิ่งที่ลอยออกมานั่นก็คือ "ป๊อปคุงสีดำ"

ป๊อปพีช: ห๊ะ!? (⊙_⊙;)

ป๊อปเลิฟ: "ป๊อปคุงสีดำ" !? (⊙_⊙;)

แล้วจากนั้นป๊อปคุงสีดำก็ได้แตกออกเป็นประกายไฟและหายไปในที่สุด

แล้วร่างของซูเปอร์โมคุก็ค่อยๆ หดเล็กลง และหลังจากที่หดลงมาจนสุดแล้ว แสงสว่างก็หายไป

ป๊อปเลิฟ/พีช: เอ๊?? (⊙_⊙)?

ทั้งสองเข้ามาดู "ร่างจริง" ของเขาซึ่งมีขนาดเล็กอยู่ในระดับเดียวกับเท้าด้วยความสงสัย...


ป๊อปเลิฟ: นี่น่ะเหรอ ร่างจริงของซูเปอร์โมคุ??

ซูเปอร์โมคุ: นี่ข้า... มาทำอะไรอยู่แถวนี้เนี่ย?? (+_+)?

ป๊อปพีช: ดูเหมือนจะโดนเวทมนตร์ของเซครอบงำด้วยจริงๆ นะ

ป๊อปเลิฟ: อืม!! ใช่เลยล่ะ

ซูเปอร์โมคุ: ทำไมข้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะเนี่ย แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับข้าเหรอ??

ป๊อปเลิฟ: คือว่าท่านโดนเวทมนตร์ครอบงำน่ะคะ ท่านก็เลยออกอาละวาดไปทั่วโดยที่ไม่รู้ตัวเลย...

ซูเปอร์โมคุ: วะ.. เวทมนตร์อย่างงั้นเหรอ??

ป๊อปพีช: ใช่แล้วล่ะ!

ซูเปอร์โมคุ: งั้นก็แปลว่า.. พวกเจ้าทั้งสองช่วยข้าเอาไว้ใช่ไหม?

ป๊อปพีช: ถูกต้อง!! (^_<)☆

ซูเปอร์โมคุ: โห้!! ขอบใจหลายๆ เลยนะ (∩_∩) ที่หลังข้าจะพยายามระวังไม่ให้โดนสาปอีก

ป๊อปพีช: สำเนียง คันไซ แฮะ... ( ̄_ ̄|||)

ป๊อปเลิฟ: งั้นฉันขอถามอะไรสักอย่างจะได้ไหม?

ซูเปอร์โมคุ: จะถามอะไรล่ะ?

ป๊อปเลิฟ: ท่านเคยไปมีเรื่องกับเผ่าบันโซมาก่อนหรือเปล่า?

ซูเปอร์โมคุ: เออ... ก็เคยอยู่นะ แต่เป็นแค่เหตุกระทบกระทั่งเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้นเอง ไม่ถึงกับเคียดแค้นอะไรมากนักหรอก พูดอีกนัยหนึ่งก็คือ ตอนนี้ข้าคืนดีกับพวกนั้นไปเรียบร้อยแล้วล่ะ! ^_^

ป๊อปพีช: นึกว่าพวกนั้นจะจับตัวแฟนสาวไปเรียกค่าไถ่จริงๆ ซะอีก ...แต่ก็ดีแล้วละนะ ที่ไม่ถึงขั้นนั้น (∩_∩)

หลังจากที่ซูเปอร์โมคุได้ยินคำว่า "แฟนสาว" เขาก็เกิดนึกอะไรที่สำคัญมากขึ้นมาได้

ซูเปอร์โมคุ: Σ( °_ °)!! ข้าต้องไปก่อนแล้วล่ะ ต้องรีบไปตามหาคนรักของข้า!! ย้ากกกก!!

แล้วเขาก็มุดลงดินไปอย่างรวดเร็ว

ป๊อปพีช: ไปซะแล้วแฮะ.. ( ̄_ ̄|||)

จากนั้นเศษลูกแก้วเวทมนตร์ที่วางอยู่บนหิ้งของศาลบันโซก็ลอยขึ้นมา แล้วพุ่งออกไปทาง "พื้นที่ต้องห้าม" อย่างรวดเร็ว ทำให้ชาวบันโซบางส่วนที่ได้เห็นสงสัย

จากนั้นไม่นานเศษลูกแก้วเวทมนตร์ก็ได้ลอยเข้ามาหาพวกเธอทั้งสองจากหลุมที่อยู่บนเพดานถ้ำซึ่งเกิดจากการเจาะโดยซูเปอร์โมคุร่างยักษ์เมื่อสักครู่

ป๊อปเลิฟ: เศษลูกแก้วเวทมนตร์??

ป๊อปพีช: มันมาหาพวกเราเองงั้นเหรอ?? (⊙_⊙;)

อิโลริน: พวกเธอเป็นผู้กล้าที่ได้ครอบครอง กุญแจเวทมนตร์ สินะ...?

ป๊อปเลิฟ/พีช: ค่ะ!!

อิโลริน: ฉันว่ามันคงจะตอบรับในความกล้าหาญของพวกเธอแน่ๆ เลยล่ะ!! ถึงได้ยอมมาหาพวกเธอเองได้

ป๊อปเลิฟ: แบบนี้ก็ได้ด้วยเหรอเนี่ย...?

ป๊อปพีช: แต่มันก็ดีแล้วนะ ^_^

จากนั้นทั้งสองก็กลับร่างเดิม แล้วมิมิก็นำเศษลูกแก้วเวทมนตร์ชิ้นสุดท้ายมาประกอบรวมกับเศษลูกแก้วชิ้นอื่นที่อยู่บนซิลลี่คีย์ ซึ่งในตอนนี้ได้ประกอบกลับมาเป็นลูกแก้วที่สมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว



มิมิกับเนียมิ ได้รับสแตมป์ดวงที่ 5 เรียบร้อยแล้ว!!

เนียมิ: สำมะเร็จ!! \^o^/

มิมิ: ในที่สุดก็เสร็จสิ้นการผจญภัยอันยาวนานซะทีนะ O(∩_∩)O

อิโลริน: อืม!! ยินดีด้วยนะ!! ^_^

--------------------------------------------------------------------------------

หลังจากที่เสร็จสิ้นภารกิจแล้ว ทั้งสองก็ได้กลับมายังพื้นที่ของเผ่าบันโซอีกครั้ง

และทันทีที่ทั้งสองเดินมาจนถึงบริเวณใกล้กับศาลเจ้า

"แย่แล้วล่ะ!!"

หัวหน้าเผ่าได้รีบวิ่งเข้ามาหาด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลน

เนียมิ: ห๊ะ!? มีอะไรงั้นเหรอ?

"ก็เศษลูกแก้วที่อยู่ในศาลน่ะ.. อยู่ดีๆ ก็ลอยหายไปไหนก็ไม่รู้ของมันเองเฉยเลย!!"

เนียมิ: อ๋อ! ถ้าหมายถึงนั่นละก็... มันลอยมาหาพวกฉันเองแหละ!!

แล้วเนียมิก็นำซิลลี่คีย์ในสภาพลูกแก้วสมบูรณ์ออกมาให้เขาดู

"เอ๊!? มันลอยไปหาพวกเธอเองเหรอ?? (ไม่อยากจะเชื่อเลย)"

มิมิ: ใช่แล้วล่ะ! เป็นเพราะว่าพวกเราปราบสัตว์ประหลาดในตำนานตัวนั้นได้เรียบร้อยแล้วยังไงล่ะ!! (^_<)☆

"เอ๋ จริงเหรอเนี่ย!??"

อิโลริน: จริงแท้แน่นอนเลยล่ะจ๊ะ

อิโลรินปรากฏตัวออกมาตรงหน้าของทั้งสอง ทำให้พวกบันโซรู้สึกตกตะลึง

"อะ...อิโลริน!?"

"ไม่จริงน่ะ!? เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง...?? (⊙_⊙;)"

อิโลริน: ฮ่าๆ ^_^ ฉันพามาส่งพวกเขากลับเองล่ะจ๊ะ! และก็... มีข่าวดีที่ข้าอยากจะบอกด้วย

"เรื่องอะไรงั้นเหรอ??"

อิโลริน: ตั้งแต่บัดนี้ไป ข้าจะมาประทับอยู่ที่ถิ่นฐานใหม่ของพวกเจ้าแห่งนี้นะ!

"เอ๋!? (⊙_⊙;)"

ชาวบันโซเกือบทุกคนตะโกนออกมาด้วยความตะลึง

"บ้าไปแล้ว!! ถ้าทำแบบนั้น ทั้งเธอเองและพวกเราก็ต้องสูญสิ้นไปน่ะสิ??"

ชาวบันโซคนนั้นพูดขึ้นมา

อิโลริน: ไม่ต้องห่วงเหรอนะ เครื่องรางแห่งอาโกน่าจะถูกย้ายมาประจำอยู่ที่นี่ด้วย ซึ่งหมายความว่าทุกๆ อย่างจะยังคงอยู่เหมือนเดิม... และที่สำคัญ จะทำให้ถิ่นฐานใหม่แห่งนี้มีความอุดมสมบูรณ์มากกว่าเดิมอีกด้วย

จากนั้นเธอก็นำเครื่องรางแห่งอาโกน่าออกมา แล้วเดินไปยังแท่นบูชาที่อยู่ในศาลเจ้า แล้วจากนั้นก็นำไปวางไว้บนนั้น

และทันทีที่เครื่องรางถูกวาง ก็เกิดพลังบางอย่างขึ้นมา พลังนี้ได้ทำให้พื้นที่ต่างๆ ภายในเขตของบันโซที่แต่เดิมมีแต่ดินและหินนั้น เต็มไปด้วยธรรมชาติมากมาย จนดูแทบไม่ต่างกับป่าที่อิโลรินอาศัยอยู่เลย ทำให้ทุกคนมองโดยรอบด้วยความสนใจ

อิโลริน: แล้วก็... ขอบคุณพวกเธอทั้งสองคนนั้นด้วยนะ!

อิโลรินหันมาทาง มิมิ เนียมิ ส่วนเนียมิก็พลางเกาหัวด้วยสีหน้าเขินอาย

อิโลริน: เอาล่ะ... ถึงเวลาที่ข้าต้องไปแล้ว

"จะไปไหนเหรอขอรับ?"

อิโลริน: ไปสู่สุขคติ ยังไงล่ะ!!

"เอ๋!? (⊙_⊙;)"

เกือบทุกคนรวม มิมิ เนียมิ ตะโกนออกมาด้วยความตะลึง

เนียมิ: มันหมายความว่ายังไง?

อิโลริน: ที่จริงแล้ว... เรื่องที่ข้าเป็นผู้พิทักษ์ของเผ่าบันโซนั้น เป็นเรื่องที่ข้าสร้างขึ้นมาเองแหละ... ความจริงแล้วข้าเป็นดวงวิญญาณที่ติดอยู่ในป่าที่เป็นถิ่นฐานเก่าของพวกเจ้า แต่ด้วยความช่วยเหลือของเด็กทั้งสองคนนี้ ทำให้ข้าสามารถไปสู่สุขคติได้สักทียังไงล่ะ!!

"อย่างนั้นเองเหรอ... (˘・_・˘)"

"ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า พระผู้เป็นเจ้าที่พวกเรานับถือมาตลอด.. ก็คือวิญญาณที่กำลังรอไปเกิดใหม่?"

อิโลริน: ฮ่าๆ ^_^ อย่าทำหน้าเคร่งเครียดกันแบบนั้นสิ ...เอาล่ะ พวกเธอทั้งสอง

มิมิ/เนียมิ: ค่ะ!? (⊙_⊙;)

อิโลริน: ช่วยเล่นป๊อปปินให้ฉันเป็นการส่งท้ายหน่อยจะได้ไหม? ฉันอยากจะฟังเพลงจากผู้กล้าทั้งสองคนนี้ก่อนไปน่ะ

มิมิ: ดะ... ได้สิคะ ด้วยความยินดี...และอาลัยด้วยนะ

จากนั้นทั้งสองก็นำเกียร์ของตนออกมาเพื่อเริ่มเล่นป๊อปปิน

===== POP'N MUSIC =====
幽霊 (Ghost) / STi
*โดยในระหว่างที่กำลังเล่นนั้น ทั้งสองก็เหมือนได้เห็นภาพในอดีตของเธอด้วย ซึ่งหนึ่งในสิ่งที่เห็นก็คือ น้องชายของเธอที่กำลังวิ่งตามหาเธอในป่า ซึ่งเธอได้กลายเป็นผู้พิทักษ์เผ่าบันโซหรือวิญญาณไปแล้ว*
===== END MUSIC =====

หลังจากที่เพลงจบลง อิโลรินก็ได้จากไปด้วยการแตกตัวออกเป็นผีเสื้อจำนวนมาก แล้วผีเสื้อทั้งหมดก็บินขึ้นหายไปอย่างอลังการ มิมิ เนียมิ มองดูด้วยความประทับใจ

--------------------------------------------------------------------------------

เวลาต่อมา ทั้งสองก็ได้ออกมาจากดันเจี้ยนเพื่อเตรียมกลับเมืองหลวง

มิมิ: ถึงเหตุการณ์จะงงๆ ไปบ้าง แต่ก็สนุกมากเลยนะ...!

เนียมิ: อืม!! เป็นการผจญภัยครั้งสุดท้ายที่วิเศษมากเลยล่ะ! ^_^ ว่าแต่...

มิมิ: มีอะไรเหรอ?

เนียมิ: พวกเราต้องเดินทางไกลเพื่อกลับไปเมืองหลวงเหรอเนี่ย!? (≧﹏ ≦)

มิมิ: ฉันว่าลองใช่นี่ดูอีกทีนะ คราวนี้ฉันคิดว่าน่าจะเวิร์กแล้วล่ะ!

มิมินำซิลลี่คีย์ออกมา

เนียมิ: จะเปิดประตูมิติเหรอ?

มิมิ: อืม!! ฉันจะลองเปิดไปยังปราสาทของไดโนให้ได้ดู!

แล้วมิมิก็ทำการปักซิลลี่คีย์ลงพื้นเพื่อเปิดประตูมิติ

มิมิ: เอาล่ะ พร้อมแล้วนะ!

เนียมิ: อืม!!

จากนั้นทั้งสองก็จับมือกันคนละข้าง ก่อนที่จะกระโดดลงไปยังหลุมมิติพร้อมกัน




>>>>> TO BE CONTINUED <<<<<

14 กันยายน 2565

ว่าด้วยเรื่องของการ์ด Pop'n Music มันคืออะไรกันนะ?

สวัสดีครับ แอดมินเอครับผม ' w')/

สำหรับใครที่เคยแวะไปดูตามเว็บ หรือลองหาดูรูปผ่าน Google อาจจะเคยเห็นการ์ดที่มีรูปตัวละครของเกม Pop'n Music ผ่านตากันมาบ้าง ซึ่งในตอนแรกที่ผมได้เห็น ผมก็คิดว่าเป็นสินค้าสะสมที่ทำออกมาขายเหมือนกับสินค้าอื่นๆ ที่เกมนี้ชอบทำออกมาขายเอาใจแฟนๆ (มีหลายอย่างตั้งแต่ ตุ๊กตา ยัน น้ำผึ้ง ...มีน้ำผึ้งที่คอลแลปกับ Pop'n Music 8 ด้วยจริงๆ นะ) แต่พอได้ลองคึกษาหาข้อมูลไปเรื่อยๆ ก็พบว่า การ์ดพวกนี้ได้มาจากตู้เกม Pop'n Music ครับ!! (⊙_⊙;)


การ์ดนั้นปรากฏครั้งแรกใน Pop'n Music 19 TUNE STREET โดยเป็นส่วนหนึ่งของระบบใหม่ที่เพิ่มเข้ามาในภาคนี้ เพียงแต่ต่างกับพวกตู้เกมการ์ดตรงที่การ์ดของเกมนี้จะมีไว้เพื่อสะสมเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ไม่สามารถนำมาสแกนเพื่อใช้เล่นในเกมได้แต่อย่างใด

แต่ในช่วงก่อน Pop'n Music Lapistoria นั้นจะมีการ์ดพิเศษที่สามารถนำมาใช้ปลดล็อดสกิน 3P ของตัวละครภายในเกมได้ด้วย โดยการ์ดพวกนี้จะเป็น RARE CARD ซึ่งบนหน้าการ์ดจะมีรอยเรืองแสง และที่ด้านหลังก็จะมี QR Code ที่สามารถนำไปสแกนเพื่อดูโค้ดปลดล็อดสกิน 3P ได้นั่นเองครับ

ส่วนการ์ดนั้นจะแบ่งได้ออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ...

การ์ดตัวละคร

เป็นการ์ดรูปตัวละครภายในเกมต่างๆ และที่ด้านหลังของการ์ดจะมีประวัติและข้อมูลของตัวละครนั้นๆ โดยการ์ดประเภทนี้จะแตกประเภทย่อออกไปได้อีก 2 แบบคือ

- Animation Card การ์ดที่ใช้รูปมาจากท่าอนิเมชั่นของตัวละครภายในเกม
- Change Card เป็นการ์ดที่ตัวละครจะสวมชุดพิเศษที่ไม่ปรากฏให้เห็นในเกม


ตัวอย่างเช็ตการ์ดตัวละคร (ภาพจาก: https://twitter.com/popnmusiccard)

การ์ดงานภาพ

เป็นการ์ดที่แสดงภาพของตัวละครในอริยาบทต่างๆ ส่วนมากมักจะเป็นภาพตัวละครกลุ่ม ซึ่งที่ด้านหลังของการ์ดจะมีคำอธิบายเกี่ยวกับเหตุการณ์หรือเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในรูปนั้นๆ ด้วย

ตัวอย่างเช็ตการ์ดงานภาพ (ภาพจาก: https://jp.mercari.com/item/m75639207646)

หลักๆ ก็มีประมาณนี้ครับ แล้วคำถามก็คือ.. เราจะหาการ์ดพวกนี้ได้จากไหน? การ์ดนั้นสามารถหาได้จากการเล่นเกมปกติเลยครับ แต่เราจะต้องเลือกโหมดที่เล่นแล้วได้การ์ดเท่านั้นนะ โดยโหมดที่จะได้รับการ์ดหลังเกมจบก็มีดังนี้...

- CARD START 1 STAGE: เล่นแบบได้รับการ์ด 1 ใบหลังเกมจบ แต่สามารถเล่นได้แค่เพลงเดียวเท่านั้น (เหมาะสำหรับผู้ที่อยากเก็บการ์ดเร็วๆ)
- CARD START FULL STAGE: เหมือนกับ EXTRA START แต่จะได้รับการ์ด 1 ใบหลังเกมจบ (เล่นได้ 3 เพลง และ EXTRA STAGE อีกหนึ่งเพลง)

แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ตู้ Pop'n Music ในบ้านเรา (ซึ่งปัจจุบันมีให้บริการเพียงร้าน Let's Play ที่ห้าง MBK ที่เดียวเท่านั้น) ไม่มีโหมด CARD START ให้เลือกนะครับ มีเพียงแค่โหมดเล่นแบบธรรมดาที่ไม่ได้การ์ดเท่านั้น เพราะทาง Hahama ที่เป็นผู้นำเข้าและให้บริการตู้ Pop'n Music ในบ้านเราไม่ได้นำชุดการ์ดเข้ามาใส่ในตู้นั่นเอง (┬┬﹏┬┬)

นอกจากนี้ในบางโอกาส ทาง Konami ยังได้จัดทำเป็นรูปแบบอัลบั้มรวมการ์ดอีกด้วยนะ โดยภายในอัลบั้มแต่ละชุดจะมีเช็ตการ์ดที่กำหนดมาตายตัวแน่นอน นั่นหมายความว่าหากรวมรวบอัลบั้มเหล่านี้ได้ครบทุกชุดละก็.. ถ้าเป็นภาษาในวงการก็เรียกว่า "COMP" ไปโดยปริยายเลยนั่นเอง แต่อัลบั้มเหล่านี้หาได้จากการเล่นตู้เกมชิงรางวัล (พวก Crane Game) เท่านั้นนะ ไม่มีวางขายทั่วไป
มาถึงตรงนี้ บางท่านอาจจะบอกว่า มันก็คล้ายกับ Genesis Card ของ Sound Voltex ไม่ใช่เหรอ? คำตอบคือใช่ครับ แต่ "แหล่งกำเนิด" ของมันไม่เหมือนกันนะ...!

การ์ดของเกม Sound Voltex นั่นจะผลิตออกมาจากเครื่องพิมพ์ที่เรียกว่า Generator Real Model ที่ติดตั้งอยู่ข้างตู้ ซึ่งตัวการ์ดนั้นจะเป็นกระดาษเปล่าชนิดพิเศษที่ถูกนำมาพิมพ์ให้เป็นรูปการ์ดผ่านเครื่องพิมพ์โดยตรงเลย

ส่วนการ์ดของ Pop'n Music นั่น จะเป็นการ์ดที่ผลิตออกมาจากโรงงาน แล้วนำมาใส่เข้าไปภายในตู้เกมอีกทีหนึ่งครับ ไม่ได้ปริ้นกันสดๆ แบบการ์ดของ Sound Voltex

สรุปแล้วก็คือ ถ้าหากป๊อปเปอร์ชาวไทยอยากได้การ์ดล่ะก็ มีเพียงทางเดียวเท่านั้นคือต้องบินไปเล่นตู้ที่ญี่ปุ่นเท่านั้นครับ เพราะทาง Hahama ไม่ได้นำการ์ดเข้ามาจำหน่ายด้วยนั่นเอง


พบกันใหม่คราวหน้าเมื่อมีโอกาส ขอให้ทุกท่านสนุกกับป๊อปปิน (^_<)☆

      peace!     

3 กันยายน 2565

pop'n music RESPECT : STAGE 33 「โบยบินดั่งฟากตะวัน」

วันรุ่งขึ้น ทั้งสองกำลังมุ่งหน้าไปยังสถานที่ถัดไปของภารกิจตามหาเศษลูกแก้วเวทมนตร์ ซึ่งในอีกไม่นานก็จะถึงจุดหมายแล้ว!

มิมิ: นี่ เนียมิจัง

เนียมิ: มีอะไรเหรอจ๊ะเพื่อนรัก? (゜▽゜*)♪

มิมิ: เมื่อวานนี้เธอไปทำอะไรมาถึงได้ไปโดนขังอยู่ในโลกประหลาดนั่นล่ะ?

เนียมิ: เอ๊!? อะไรนะ?? (´・ω・`)?

มิมิ: อ้่าว! จำไม่ได้เหรอ? ก็เมื่อวานนี้เธอถูกขังอยู่ในกรงนั่นไง..!

เนียมิ: เอ๊? ฉันไม่ได้โดนขังเลยนะ ตอนที่เข้าไปโลกนั้นกับไทม์เมอร์ ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนที่ได้เจอกับมิมิ ฉันไม่ได้่ไปโดนขังที่ไหนในโลกนั้นเลยจริงๆ นะ!

มิมิ: งั้นก็แสดงว่าเนียมิจังที่ฉันเห็นในตอนนั้นเป็นตัวปลอมสินะ ปะโธ่... (;´д`)

เนียมิ: ตัวปลอม??

มิมิ: อืม!! ตอนที่ฉันเข้าไปที่โลกนั้น มีอยู่มิติหนึ่ง ฉันได้เจอเธอที่เป็นตัวปลอมถูกขังอยู่ในกรงด้วยล่ะ!

เนียมิ: เอ๊!? โดนขังงั้นเหรอ??

มิมิ: ใช่! ที่ๆ ฉันไปเจอเธอในตอนแรกนั้นเป็นสถานที่ๆ มีแต่ความมืดมิด ไม่มีแสง ไม่มีสิ่งใดเลย นอกจากทางเดินที่ทอดยาวไปเรื่อยๆ เท่านั้น และพอฉันเดินจนมาสุดทาง ฉันก็ได้เจอกับเธอที่โดนขังนี่แหละ เธอร้องขอความช่วยเหลือจากฉัน ฉันจึงเลยเข้าไปช่วย แต่ว่าฉันกลับโดนส่งไปอยู่ในมิติอื่นแทน ...แต่ก็ช่างเถอะ มันเป็นแค่มิติแห่งความฝันเท่านั้นเอง..! ^_^

เนียมิ: แล้วมิติที่มิมิไปมา มีอะไรบ้างเหรอ??

มิมิ: นอกจากมิติที่เจอเธอนั้น เป็นความลับ! ヾ(≧ ▽ ≦)ゝ

เนียมิ: เอ๋?? บอกกันหน่ิอยไม่ได้เหรอ..? (´・ω・`)?

มิมิ: ไม่ได้ก็คือไม่ได้สิ!! (p≧w≦q)

มิมิตอบด้วยสีหน้าแดงราวกับเขินอะไรอยู่

เนียมิ: นั่นแน่ะ! แสดงว่าไปเจอเรื่องอะไรดีๆ จากในนั้นมาสินะ?

มิมิ: ก็บอกว่าไม่มีอะไรยังไงเล่า!! `(*≧﹏≦*)′

เนียมิ: ฮ่าๆๆ (。^▽^) ถ้างั้นฉันเองก็ไม่บอกด้วยเหมือนกันดีกว่า ถือว่าวินๆ กันนะ!

มิมิ: อะ อืม! ก็ได้ (*^_^*)

--------------------------------------------------------------------------------


STAGE 33
「โบยบินดั่งฟากตะวัน」

--------------------------------------------------------------------------------

หลังจากที่ทั้งสองเดินมาได้สักพัก ในที่สุดก็มาถึงเมือง "แฮปปี้ทาวน์" ซึ่งเป็นสถานที่ของภารกิจตามหาเศษลูกแก้วเวทมนตร์ชิ้นที่ 4

ตัวเมืองมีลักษณะเป็นเมืองเล็กๆ มีอาคารบ้านเรือนเป็นสไตล์ยุโรปคล้ายกับเมืองหลวงของอาณาจักรเทพนิยาย แต่ขนาดของเมืองไม่ใหญ่มากนัก อาคารส่วนใหญ่สูงเพียงแค่ 2 ชั้นเท่านั้น และให้ความรู้สึกกึ่งๆ เมืองแทบชนบทเล็กน้อย

แต่ทว่า.. ทันทีที่เดินเข้ามาภายในตัวเมือง พบว่าที่นี่ไม่มีใครอาศัยอยู่เลยแม้แต่คนเดียว ไม่ว่าจะเป็นบ้านเรือนหรือร้านค้าต่างๆ ก็ไม่มีใครอยู่เลย แม้แต่คนที่เดินสัญจรไปมาก็ไม่มีเช่นกัน

มิมิ: ทำไมเมืองนี้มัน...?

เนียมิ: ไม่มีใครอยู่เลย??

บรรยากาศโดยรวมเงียบสงัด มีเพียงแค่สายลมที่โชยมาเป็นระยะๆ เท่านั้น ให้ความรู้สึกที่เคว้งคว้าง

มิมิ: ฉันว่าเมืองนี้มันแปลกๆ นะ?

เนียมิ: นั่นสิ มันต้องมีสาเหตุอะไรสักอย่างแน่ๆ เลยล่ะ!

จากนั้นมิมิก็นำแผนที่กระดาษที่ได้รับจากไดโนออกมาดู

มิมิ: อืม! พวกเรามาถูกที่แล้วล่ะ ที่นี่คือ "แฮปปี้ทาวน์" สถานที่ๆ มีเศษลูกแก้วเวทมนตร์ชิ้นที่ 4 ซ่อนอยู่ ...แต่เพราะอะไรกันนะ เมืองมันถึงได้เงียบฉี่อย่างนี้??

เนียมิ: ฉันว่าพวกเราเดินหาเศษลูกแก้วกันแบบจริงจังไปเลยดีกว่า เพราะนี้คือเป้าหมายหลักของพวกเรานะ!

มิมิ: อืม! นั่นสินะ บางเรื่องน่ะ ถ้าไม่รู้มันอาจจะดีกว่าก็ได้

แล้วจากนั้นทั้งสองก็มุ่งหน้าสำรวจเมืองกันต่อไป เพื่อหาเศษลูกแก้ว

หลังจากที่เดินสำรวจมาได้ประมาณเกือบครึ่งชั่วโมง อยู่ๆ เนียมิก็สัมผัสกับกลิ่นแปลกๆ ที่มาจากทิศทางหนึ่ง เธอจึงหยุดดมอยู่สักพัก

เนียมิ: ฉันได้กลิ่นแปลกๆ ด้วยล่ะ!

มิมิ: เอ๊!? ได้กลิ่นเหรอ...?

เนียมิ: อืม! มันเป็นกลิ่นเหม็นเปรี้ยวน่ะ...

แล้วจากนั้นเนียมิก็หันหน้าไปทางที่กลิ่นโชยมา ซึ่งสายควันกลิ่นที่มองเห็นแต่เฉพาะผู้ชมนี้ลอยออกมาจากบ้านสองชั้นหลังหนึ่งที่อยู่ข้างทาง

เนียมิ: รู้สึกว่ากลิ่นจะมาจากบ้านหลังนั้นน่ะ พวกเราลองเข้าไปดูกันเถอะ

จากนั้นทั้งสองจึงลองเดินเข้าไปยังบ้านหลังนั้น

เมื่อเปิดประตูเข้ามาภายใน ทั้งสองก็ได้กลิ่นเหม็นเปรี้ยวจากภายในอย่างชัดเจน จนมิมิต้องปิดจมูกไว้

มิมิ: หืม!! กลิ่นแรงชะมัด `(*>﹏<*)′

แต่เมื่อเนียมิสังเกตดู พบว่ากลิ่นนั้นมาจากสุนัขขนฟูตัวหนึ่งที่นอนอยู่เบื้องหน้า

เนียมิ: นั่นมัน...!! Σ( °o °)

สุนัขที่เธอเห็นเป็นสุนัขประหลาดรูปร่างตัวใหญ่มีขนสีฟ้าที่ฟูฟ่องและมีใบหูยาวคล้ายกับกระต่าย ซึ่งกำลังอยู่ในสภาพนอนหลับ?

เนียมิ: สุนัข... นี่มันสุนัขอะไรกันเนี่ย?? (ไม่เคยเห็นสายพันธุ์นี้เลย)

มิมิ: หรือว่าสุนัขตัวนี้จะ...?? (หวังว่าคงไม่เป็นอย่างนั้นนะ)

จากนั้นเนียมิจึงลองเดินเข้าไปจับสุนัขยักษ์ตัวนั้นเพื่อเช็ดชีพจร พบว่ายังมีชีวิตอยู่

เนียมิ: มันยังไม่ตายนะ แต่ดูเหมือนว่ากำลังจะใกล้ตายเพราะหิวโซน่ะ

มิมิ: งั้นพวกเราก็ลองนำกลับไปพักที่มายแคมป์กันก่อนดีกว่า อาจจะพอช่วยอะไรได้บ้าง

เนียมิ: โอเค!!

จากนั้นทั้งสองจึงช่วยกันนำสุนัขยักษ์ตัวนั้นไปพักฟื้นที่มายแคมป์ของพวกเธอ

--------------------------------------------------------------------------------

หลังจากที่นำสุนัขยักษ์สีฟ้าเข้ามาพักในมายแคมป์แล้ว มิมิจึงจัดการป้อนนมให้ก่อน แล้วตามด้วยใช้สเปรย์ทำความสะอาดขนฉีดให้อีกทีเพื่อดับกลิ่นเหม็น

มิมิ: อืม! เท่านี้ก็เรียบร้อยแล้วล่ะ! เดี๋ยวอีกสักพักก็คงฟื้นแล้ว

เนียมิ: มิมิจังนี่เธอเก่งอย่างกับเป็นแม่บ้านศรีเรือนจริงๆ เลยนะ!

มิมิ: ก็นะ... แฮะๆๆ *^____^*

เนียมิ: งั้นในระหว่างนี้พวกเราก็ไป เออ... ยังหาเศษลูกแก้วต่อไม่ได้สินะ งั้นเล่นเกมรอกันก่อนดีกว่า

มิมิ: ได้เลย!!

แล้วจากนั้นทั้งคู่ก็ไปนั่งเล่นเกมทีวียังมุมพักผ่อนของห้อง (จุดที่สุนัขอยู่ อยู่ในมุมห้องครัว)

แต่ทว่าหลังจากที่ออกจากมุมห้องครัวไปได้ไม่นาน สุนัขยักษ์ก็ได้ตื่นขึ้นมา...

สุนัขตัวนี้พยายามรื้อตู้เย็นเพื่อหาอะไรกินจากด้านใน...

และเวลาผ่านไปได้สักพัก อยู่ๆ ก็มีเสียงกระแทกดังขึ้นมาอย่างแรงตรงมุมห้องครัว ทั้งคู่จึงรีบกลับไปดู

ก็พบว่าห้องครัวอยู่ในสภาพที่เละไม่เป็นท่า และสุนัขตัวนั้นได้หายไปแล้ว

เนียมิ: มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย?? ∑(°ロ°)

แล้วมิมิก็สังเกตเห็นรอยรั่วเป็นรูขนาดใหญ่อยู่บนเพดาน

มิมิ: สุนัขหายไปซะแล้ว แต่ว่าบนนั้นแตกเป็นรูโหว่เลยล่ะ!

เนียมิ: หรือว่าสุนัขตัวนั้นจะ...?

มิมิ: อืม!! มันอาจจะ "บิน" หนีออกไปก็ได้ พวกเรารีบออกตามหากันเถอะ!!

จากนั้นทั้งสองจึงวิ่งออกจากเต็นท์มายแคมป์เพื่อตามหาสุนัข

ทั้งสองวิ่งไปตามเส้นทางบริเวณนอกเมืองซึ่งโดยรอบเป็นพื้นที่ธรรมชาติ

เนียมิ: มิมิจัง แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่ามันไปที่ไหน?

มิมิ: ฉันคิดว่าถ้าหากมันบินได้จริงๆ ละก็ ลองออกมาหาบริเวณนอกเมืองดูอาจจะเจอง่ายกว่าก็ได้

ทั้งสองวิ่งไปในขณะที่แหงนมองบนฟ้าไปด้วย

แต่หลังจากที่วิ่งมาได้สักพัก อยู่ๆ มิมิก็วิ่งเข้าไปชนกับคนๆ หนึ่งโดยที่ไม่ทันได้มองเห็น

เนียมิ: มิมิจัง!! Σ( °Д°)

เนียมิที่เพิ่งรู้ตัวในภายหลังได้หยุดวิ่งแล้วรีบหันกลับมามอง พบว่าทั้งสองฝ่ายคว่ำลงไปนอนกับพื้น

มิมิ: โอ้ยๆๆ ...

มิมิค่อยๆ ลุกขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด ส่วนเนียมิรีบวิ่งกลับมาดู

เนียมิ: ไม่เป็นไรนะ?

มิมิ: อืม!!

ส่วนอีกฝั่งก็ค่อยๆ ลุกขึ้นมาเช่นกัน

มิมิ: ฉันขอโทษนะที่วิ่งโดยไม่ได้มองทาง... <(_ _)>

มิมิกล่าวขอโทษกับคนที่ถูกวิ่งชนซึ่งเป็นเด็กผู้ชาย

"Σ( °_°) พวกพี่มาทำอะไรกันแถวนี้เหรอ?"

เด็กผู้ชายคนที่ถูกมิมิวิ่งชน ถามคำถามบางอย่างออกมา

เนียมิ: คือว่าพวกเรากำลังตามหาสุนัขตัวใหญ่ๆ สีฟ้าๆ อยู่น่ะ เธอพอจะเห็นบ้างไหม?

จากคำตอบนี้ทำให้เด็กผู้ชายถึงกับสะดุ้งออกมาเล็กน้อย

"Σ( °_°) สุนัขตัวสีฟ้าเหรอ??"

เนียมิ: อืม! รู้สึกว่ามันจะบินได้ด้วยนะ

"ไม่จริงน่ะ!? พวกพี่แอบเข้าไปปล้นสะดมที่ "บ้านเก่า" ของผมเหรอ??"

มิมิ/เนียมิ: เอ๊?? (⊙_⊙)?

ทั้งสองงงกับคำถามนี้ แล้วทั้งคู่ก็หันมาถามกัน

เนียมิ: หรือจะหมายถึงบ้านที่พวกเราเข้าไปช่วยสุนัขเมื่อกี้??

มิมิ: น่าจะใช่นะ

จากนั้นทั้งสองก็หันกลับมาทางเด็กผู้ชายอีกครั้ง

มิมิ: คือพวกเราไม่ได้เไปขโมยของในบ้านใครในเมืองนั้นเลยนะ

เนียมิ: ใช่ๆ พวกเราก็แค่เจอสุนัขตัวที่ว่ากำลังหิวอย่างโรยแรงอยู่ในเมือง พวกเราก็เลยเข้าไปช่วย แต่ว่าพอหลังจากที่มันหายดีแล้วดันกลับหนีไปซะเฉยๆ เลย

แล้วจากนั้นเด็กผู้ชายก็คิดอะไรอยู่สักพัก ก่อนที่จะตอบ

"เฮ่อ.. ค่อยยังชั่วที่พวกพี่ไม่ได้เป็นพวกโจรสลัดเหมือนกับ "ผู้กล้าจอมปลอม" ที่เขาลือกัน"

แล้วจากนั้นเขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้

"เอ๊? แต่ว่าในเมืองนั้นไม่มีใครอยู่แล้วนี่นา??"

มิมิ: ใช่! ที่นั่นไม่มีใครอยู่เลย แต่สุนัขประหลาดที่พวกเราเจออยู่กลางเมืองอาจจะเป็นพวกสัตว์ป่าที่หลงเข้ามาก็ได้

"อ๋อ.. ผมเข้าใจแล้ว ลืมนึกถึงเรื่องนั้นไปเลยแฮะ... ^_^;"

เนียมิ: แล้วน้องมาทำอะไรที่เมืองร้างนี้งั้นเหรอ?

"ผมต้องเป็นฝ่ายถามพวกพี่ก่อนมากกว่านะ?"

มิมิ: เออ.. คือพวกเรา...

จากนั้นมิมิก็ยื่นมือออกไปข้างหน้า แล้วซิลลี่คีย์ก็ปรากฎออกมาในมือ

มิมิ: คือพวกเรากำลังตามรวบรวมชิ้นส่วนลูกแก้วของซิลลี่คีย์อยู่น่ะ หนึ่งในชิ้นนั้นมันซ่อนอยู่ที่เมืองนี้

"ซิลลี่คีย์เหรอ? มันคืออะไรกันน่ะ??"

แล้วจากนั้นทั้งสองก็เล่าเรื่องแบบคร่าวๆ เกี่ยวกับภารกิจของพวกเธอให้เขาฟ้ง

"อ๋อ อย่างนี้นี่เอง แสดงว่าพวกพี่เป็น "ผู้กล้าตัวจริง" สินะ..!"

เนียมิ: ใช่แล้วล่ะ! (^_<)☆

"โห้!! สุดยอดไปเลยนะ! (*^_^*)"

มิมิ: นั่นสิ แล้วเรื่องของเธอล่ะ??

"อืม!! ผมกลับมาที่เมืองนี้เพื่อจะไปเอาของที่อยู่ในบ้านเก่าน่ะ"

มิมิ: กลับมาเอาของเหรอ??

"อืม! มันเป็นตุ๊กตา... ตุ๊กตาสุนัข เป็นตุ๊กตาที่ผมรักมากที่สุดเลยล่ะ!!"

มิมิ: อ๋อ.. ตอนย้ายบ้านลืมตุ๊กตาตัวนั้นไว้ที่นั่นสินะ

"ครับ! ^_^"

เนียมิ: จริงด้วยสิ! แล้วที่เมืองนี้มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นอย่างนั้นเหรอ ทำไมถึงไม่มีใครอยู่เลยล่ะ เธอพอจะทราบเรื่องอะไรไหม?

"เออ... เมื่อก่อนที่เมืองนี้เคยเกิดโรคระบาดขึ้นน่ะครับ"

มิมิ: โรคระบาดงั้นเหรอ??

"ครับ! มันเป็นโรคที่เกิดมาจากคำสาปของอสูรกายที่อาศัยอยู่ใกล้ๆ กับเมืองนี้ ซึ่งโรคนี้ทำให้ผู้ที่ติดเชื้อเกิดอาการอ่อนล้าคล้ายกับโรคหอบหืด แต่ว่าผู้ที่ติดเชื้อดังกล่าวจะตายลงเองภายใน 3-5 วัน เป็นโรคที่ไม่มีทางรักษาให้หายได้เพราะเป็นโรคที่เกิดจากคำสาป มิน้ำซ้า โรคนี้ยังแพร่กระจายระหว่างผู้คนและสิ่งมีชีวิตต่างๆ ได้อย่างไม่จำกัดอีกด้วย และโรคนี้ยังไม่มีใครทราบได้ว่ามันเริ่มแพร่ระบาดตั้งแต่ตอนไหน รู้เพียงแต่ว่ามันเป็นหนึ่งในเวทมนตร์ของอสูรกายที่อาศัยอยู่ใกล้ๆ กับเมืองนี้ ทำให้หลังจากที่มีการแพร่ระบาดครั้งใหญ่เกิดขึ้น ผู้คนที่ไม่ได้ติดเชื้อจึงพากันหอบของหนีออกจากเมืองนี้กันทั้งหมด ทำให้เมืองนี้เลยกลายเป็นเมืองร้างนับตั้งแต่นั้นมา..."

เนียมิ: แบบนี้เอง แล้วโรคนี้เคยระบาดไปที่อื่นด้วยไหม? (หมายถึงตอนนั้น)

"ไม่หรอกครับ โรคนี้ระบาดอยู่แค่เฉพาะในเมืองนี้เท่านั้น"

เนียมิ: แบบนี้ก็แสดงว่าผู้ที่ติดเชื้อต้องถูกกักบริเวณอยู่แค่เฉพาะในเมืองนี้เท่านั้นสินะ ห้ามออกไปที่เมืองอื่น?

"ใช่แล้วครับ... แต่ตอนนี้ได้ยินมาว่า "ผู้กล้าจอมปลอม" ที่เขาลือกันไปปราบอสูรกายที่ว่ามาได้แล้ว ทำให้เชื้อโรคที่ยังหลงเหลืออยู่ในเมืองถูกกำจัดออกไปทั้งหมดด้วย ผมก็เลยอยากจะกลับมาเอาของสำคัญของผมคืนน่ะครับ"

แล้วทั้งคู่ก็หันมาคุยกัน

มิมิ: หรือจะหมายถึง "ผู้กล้าจอมปลอม" ที่เคยเล่าในตอนนั้น?? (มันคุ้นๆ นะ) -> แอสคอต: แต่ข้าเคยปราบอสูรกายที่แกร่งที่สุดจนกอบกู้หมู่บ้านแห่งหนึ่งมาได้แล้วนะขอรับ!! แล้วเหตุใดท่านถึงไม่ยอมรับข้าเป็นผู้กล้าในภารกิจนี้กันล่ะ??

เนียมิ: อืม! น่าจะใช่นะ!

จากนั้นทั้งสองก็หันกลับมาทางเด็กผู้ชายอีกครั้ง

มิมิ: นั่นสิแล้วเธอชื่ออะไรเหรอ?

"ผมชื่อ "โรโค่" (Roco) ยินดีที่ได้รู้จักด้วยนะครับ! ^_^"

มิมิ: เช่นกันจ๊ะ ฉันชื่อมิมิ

เนียมิ: ส่วนฉันเนียมิจ๊ะ ^_^

โรโค่: เออ.. จะว่าไปพวกพี่นี่หน้าตาเหมือนกันเป๊ะเลยนะ พวกพี่ทั้งสองเป็นฝาแฝดกันใช่เปล่า?

จากคำถามนี้ทำให้ทั้งสองถึงกับเหงื่อตก ( ̄_ ̄|||)

มิมิ/เนียมิ: ไม่ใช่เลยนะ!! ヽ(≧□≦)ノ

มิมิกับเนียมิตะโกนออกมาพร้อมกัน ก่อนที่จะเล่าความจริงให้โรโค่ทราบ

โรโค่: อย่างนี้เอง... แค่บังเอิญหน้าตาเหมือนกันเฉยๆ สินะ... ( ̄_ ̄|||) ...นั่นสิ! ไหนๆ ก็ได้เพื่อนใหม่ทั้งทีแล้ว ช่วยไปเป็นเพื่อนกับผมหน่อยจะได้ไหมครับ?

มิมิ: แต่พวกเรากำลังตามหาสุนัขตัวนั้นกันอยู่นะ...

เนียมิ: มิมิจัง.. ฉันว่าป่านนี้สุนัขตัวนั้นคงบินหายไปไหนต่อไหนไกลแล้วล่ะ

มิมิ: เออ.. นั่นสิ เป็นเพราะพวกเราหยุดคุยกันยาวเลย ( ̄_ ̄|||)

โรโค่: อ่ะ! Σ( °o °) ต้องขอโทษด้วยนะที่มาขัดจังหวะ <(_ _)>

โรโค่รู้สึกผิดขึ้นมา

มิมิ: ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวเรื่องนั้นเอาไว้จัดการที่หลังก็แล้วกัน ตอนนี้พวกเราก็ไปที่บ้านโรโค่คุงด้วยกันนะ!

โรโค่: ครับ! ^_^

--------------------------------------------------------------------------------

จากนั้นโรโค่ก็พาทั้งสองไปยังบ้านเก่าของเขาซึ่งอยู่ภายในตัวเมือง

โรโค่: ต้องขอโทษด้วยอีกทีนะ ที่อยากได้เพื่อนมาร่วมทางด้วย เพราะผมกลัวพวกปล้นสะดมน่ะ

เนียมิ: ไม่ต้องเกรงใจหรอก พวกเราเป็นถึงผู้กล้าเชียวนะ ถ้ามีเรื่องอะไรให้อยากช่วย พวกเราก็พร้อมตลอดอยู่แล้ว (*^_^*)

มิมิ: และอีกอย่างภารกิจหลักของเราก็คือตามหาชิ้นส่วนลูกแก้วเวทมนตร์ ซึ่งมันอยู่ที่ไหนสักแห่งในเมืองนี้อยู่แล้วไงล่ะจ๊ะ!

หลังจากที่เดินมาได้สักพัก ก็มาถึงหน้าบ้านของโรโค่

โรโค่: ถึงแล้วครับ บ้านเก่าของผม

แต่ทั้งสองก็ต้องแปลกใจ เพราะบ้านหลังนี้ก็คือบ้านเดียวกับที่ทั้งสองเข้าไปช่วยสุนัขเมื่อสักครู่นี่เอง!

เนียมิ: เอ๊! บ้านนี้มัน... Σ( °o °)

โรโค่: มีอะไรเหรอครับ??

เนียมิ: อ่อ เปล่าไม่มีอะไรหรอก o(* ̄▽ ̄*)ブ

จากนั้นทั้งหมดก็เดินเข้าไปภายในบ้าน

โรโค่: อืม.. ไม่ได้มาที่นี่ตั้งนานมีฝุ่นจับเพียบเลยนะครับ...

แล้วทั้งสองก็มองสำรวจภายในห้องโถงอย่างละเอียด

เนียมิ: จะว่าไปชั้นล่างก็ไม่มีข้าวของอะไรเลยนะ แสดงว่าตุ๊กตาคงอยู่ชั้นบนสินะ?

โรโค่: ก็.. น่าจะใช่นะ อาจจะอยู่ที่ห้องนอนเก่าที่ชั้นสองก็ได้ เพราะตอนที่ย้ายบ้าน ก็ไม่ได้เอาข้าวของบางอย่างบนชั้นสองไปด้วย (ซึ่งตุ๊กตาคือหนึ่งในนั้น)

จากนั้นทั้งหมดก็เดินขึ้นมายังชั้นสองของบ้าน แล้วเดินเข้าไปยังห้องนอนเก่า

โรโค่: น่าจะอยู่ในห้องนี้แหละ...

สิ่งของที่เหลืออยู่ภายในห้องนอนมี เตียงเปล่า ตู้เก็บของ และตู้เสื้อผ้า

จากนั้นโรโค่ก็ทำการค้นหาบริเวณต่างๆ ภายในห้อง แต่ก็ไม่พบตุ๊กตาแต่อย่างใด...

โรโค่: ไม่มีแฮะ...

จากนั้นเขาจึงลองไปหาที่ห้องอื่นๆ ดู แต่ที่ห้องอื่นเป็นห้องเปล่าทั้งหมด

โรโค่: แสดงว่าคงมีใครมาขโมยไปเรียบร้อยแล้วสินะ... ::>_<::

มิมิ: เธอชอบตุ๊กตาตัวนั้นมากขนาดนั้นเลยเหรอ?

โรโค่: คือที่จริงแล้วผมเคยเลี้ยงสุนัขไว้ตัวหนึ่งเป็นพันธุ์โกลเดินริทรีฟเวอร์ ชื่อ "มอคโค่" (Moco) มันเป็นหมาที่เชื่องและฉลาดมากๆ เลยล่ะครับ และมันก็ติดผมมากๆ ชนิดที่ว่าเวลาที่ผมกลับมาจากนอกบ้าน มันมักจะเข้ามากระโดดกอดผมให้ได้แทบทุกครั้งเลยล่ะ ...จนกระทั่งมีอยู่คืนหนึ่ง ผมฝันว่าได้ขึ้นไปขี่บนหลังของมอคโค่ด้วยนะ แต่ว่า.. มันบินได้ด้วย! ในตอนนั้นพวกเราทั้งคู่ได้โบยบินไปยังที่ต่างๆ มากมาย ได้เห็นเมือง ป่าไม้ ภูเขา และทะเลสาบจากมุมสูง ภายใต้แสงตะวันอันแสนอบอุ่น มันเป็นความทรงจำแสนวิเศษที่ผมไม่มีวันลืมได้เลยล่ะ... แต่แล้วกระทั่งวันหนึ่ง มอคโค่ก็ได้จากผมไปอย่างไม่มีวันกลับเพราะมันดันไปติดเชื้ออสูรกายเข้า โดยที่ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันว่ามันไปติดมาจากไหน และนั่นจึงเป็นเหตุให้ครอบครัวของผมต้องย้ายบ้านหนีออกไปจากเมืองนี้นับตั้งแต่ตอนนั้นมา... ตอนนี้ผมก็เลยคิดว่าถ้าหากได้ตุ๊กตาตัวนั้นกลับมาอีกครั้ง บางทีผมอาจจะมีโอกาสได้เจอกับมอคโค่ในความฝันอีกก็เป็นได้... (ノへ ̄、)

ในประโยคสุดท้าย โรโค่เริ่มน้ำตาไหลออกมา

มิมิ: เอ๊!? Σ( °_°) แล้วตุ๊กตาที่ว่ามันเป็นตัวอะไร แล้วมีหน้าตาแบบไหนเหรอ?

โรโค่: เป็นตุ๊กตาสุนัข หน้าตาก็คล้ายกับๆ  มอคโค่ ตัวสีฟ้า มีใบหูยาวและหางสั้นคล้ายกระต่าย...

ทันใดนั้นเนียมิก็รู้สึกคุ้นๆ ขึ้นมา

เนียมิ: เอ๊!? Σ( °_°) มันฟังดูคุ้นๆ มากเลยนะ หรือว่าสุนัขที่พวกเราช่วยออกมาเมื่อกี้นี้...?

มิมิ/เนียมิ: อาจจะเป็น "มอคโค่" ก็ได้?? (⊙_◎)

ทั้งสองหันมาอุทานพร้อมกัน

โรโค่: ห๊ะ? มีอะไรงั้นเหรอครับ??

โรโค่รู้สึกแปลกใจขึ้นมา

เนียมิ: ดูเหมือนว่าพวกเราต้องกลับไปตามหาสุนัขตัวที่พวกเรากำลังตามหาอยู่ให้เจอแล้วล่ะ เพราะนั่นอาจจะเป็น "มอคโค่" ก็ได้?

โรโค่: ไม่จริงนะ? ก็มอคโค่ได้ตายไปแล้วนิ แล้วมันจะ... คืนชีพได้ยังไงกัน

มิมิ: ก็คุณสมบัติของตุ๊กตาที่เธอบอกมา มันเหมือนกับสุนัขตัวที่พวกเรากำลังตามหาอยู่พอดีเลยน่ะสิ!!

โรโค่: เอ๊!? จริงเหรอ?? (⊙o⊙)

เนียมิ: อืม!! ^_^ บางทีฉันคิดว่าสุนัขตัวนั้นอาจจะเป็น... มอคโค่ที่กลับมาเกิดใหม่เป็นตุ๊กตาตัวนั้นก็ได้นะ!

มิมิ: แต่ว่า... แล้วในตอนนี้พวกเราจะหามันเจอได้ยังไงกันล่ะ??

เนียมิ: เออ.. ก็นั่นน่ะสิ... ㄟ( ▔, ▔ )ㄏ

แล้วจากนั้นทั้งสองก็พยายามคิดหาวิธีตามหาสุนัขตัวนั้นให้ได้อยู่พักหนึ่ง

เนียมิ: Σ(. ❛ ᴗ ❛.)💡 จริงด้วยสิ!!

แล้วเนียมิก็เข้าไปซุบซิบอะไรกับมิมิอยู่สักพัก

มิมิ: อืม!!

จากนั้นทั้งสองก็หันมาทางโรโค่

เนียมิ: โรโค่คุงรออยู่ที่นี่สักพักก่อนนะ เดี๋ยวพวกเราจะพามอคโค่กลับมาแน่!! (^_<)☆

โรโค่: เออ.. เข้าใจแล้วครับ...

โรโค่รู้สึกงงๆ กับสิ่งที่เนียมิบอก แต่ก็ต้องยอมรับไป

จากนั้นทั้งสองก็เดินออกมานอกบ้าน

เนียมิ: เอาล่ะนะ!

มิมิ: อืม!! ^_^

แล้วจากนั้นทั้งคู่ก็ยกแขนข้างที่สวมกำไลแปลงร่างขึ้นมา แล้วตะโกนว่า

มิมิ/เนียมิ: "ป๊อปปินแปลงร่าง!!"

แล้วจากนั้นทั้งคู่ก็แปลงร่างเป็นป๊อปเปอร์ส

หลังจากที่แปลงร่างแล้ว ทั้งสองก็ได้เรียก "ป๊อปเปอร์สปีดเดอร์" ออกมา โดยที่รองเท้าบูทได้เปลี่ยนเป็นโรลเลอร์เบลดติดปีก

แล้วจากนั้นทั้งสองก็โบยบินขึ้นไปสู่บนท้องฟ้าเพื่อออกตามหามอคโค่

ป๊อปเลิฟ: ความคิดของเธอเข้าท่าอยู่นะ แต่พวกเราจะตามหาเจอได้จริงๆ น่ะเหรอ??

ป๊อปพีช: ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่ถ้าลองหาจากมุมสูงแบบนี้ดู อาจจะเจอง่ายกว่าก็ได้

และหลังจากที่บินมาได้ระยะทางค่อนข้างไกล ในที่สุดทั้งสองก็พบกับสิ่งมีชีวิตบางอย่างกำลังบินอยู่บนท้องฟัาเช่นกัน

ป๊อปพีช: อ่ะ! Σ( °_°) นั่นมัน...!!

เมื่อสังเกตดู พบว่าเป็นสุนัขตัวสีฟ้าที่กำลังตามหาอยู่นั่นเอง!

ป๊อปเลิฟ: สุนัขตัวนั่นนิ!!

ป๊อปพีช: มันบินได้จริงๆ ด้วย!! Σ( °o °)

สุนัขตัวสีฟ้ากำลังบินสวนทางจากพวกเธอ โดยบินอยู่ในระดับต่ำกว่าทั้งสอง

ป๊อปเลิฟ: มันกำลังบินไปที่ไหนกันแน่นะ?

ป๊อปพีช: พวกเราลองตามไปดูกันเถอะ!

แล้วทั้งคู่ก็บินตามหลังของสุนัขไปเรื่อยๆ พบว่ามันกำลังบินไปทางแฮปปี้ทาวน์

ป๊อปพีช: รู้สึกว่ามันกำลังจะไปทางแฮปปี้ทาวน์นะ?

ป๊อปเลิฟ: หรือว่ามันอาจจะ.. กำลังตามหาโรโค่คุงอยู่ก็เป็นได้?

หลังจากบินตามมาได้สักพัก ก็มาถึงบริเวณตัวเมือง

จากนั้นสุนัขก็ได้บินลงไปยังตัวเมือง ทั้งคู่ก็ตามไปด้วยเช่นกัน

สุนัขได้บินลงมายังระดับเหนือพื้น และเริ่มมุ่งหน้าไปอย่างช้าๆ ซึ่งในขณะที่กำลังบินไปเรื่อยๆ นั้น สุนัขก็ได้มองหันซ้าย-ขวาไปด้วยตลอดทางราวกับว่ามันกำลังมองหาอะไรบางอย่างอยู่

ป๊อปพีช: ดูเหมือนว่ามันกำลังตามหาอะไรบางอย่างอยู่ด้วยจริงๆ นะ

ป๊อปเลิฟ: งั้นเราลองเข้าไปทักท้ายกันดูไหม?

ป๊อปพีช: อืม!!

จากนั้นทั้งคู่ก็บินข้ามสุนัขไป แล้วมากีดขวางทางบินของสุนัข

เมื่อสุนัขเห็นทั้งคู่จึงเกิดอาการตกใจเล็กน้อย ก่อนที่จะหยุดอยู่กับที่

ป๊อปพีช: กำลังตามหาเพื่อนของเธออยู่สินะ?

"..."

ป๊อปพีชถามไปแต่ดูเหมือนว่ามันจะพูดไม่ได้

ป๊อปเลิฟ: เดี๋ยวพวกเราจะช่วยนำทางไปให้เองนะ พวกฉันรู้ที่อยู่เพื่อนของเธอด้วยล่ะ!! ^_^

จากนั้นสักพักอยู่ๆ สุนัขก็เกิดอาการโกรธขึ้นมา ก่อนที่จะเริ่มโจมตีทั้งสองด้วยการปล่อยเลเซอร์แบบติดตามเป้าหมายจำนวนหลายเส้นออกมาจากปาก แต่ทั้งคู่ก็หลบไปได้

ป๊อปพีช: ห๊ะ!? ทำไมถึงโจมตีพวกเราล่ะ??

ป๊อปเลิฟ: ดูเหมือนว่ามันจะไม่เชื่อใจพวกเรานะ

ป๊อปพีช: แล้วจะให้ทำยังไงล่ะ??

จากนั้นสุนัขก็โจมตีด้วยท่าเดิมอีกครั้ง แต่ทั้งคู่ก็ยังหลบได้เช่นเคย

ป๊อปเลิฟ: เดี๋ยวฉันจะลองล่อไปแถวหน้าบ้านโรโค่คุงดู!!

ป๊อปพีช: แต่จะให้เขาเห็นเราในร่างนี้ไม่ได้นะ...?

ป๊อปเลิฟ: เออ.. นั่นสินะ... ( ̄_ ̄|||) (ลืมนึกเรื่องนี้ไปเลย...)

จากนั้นสุนัขก็โจมตีด้วยท่าเดิมอีกครั้ง แต่คราวนี้ป๊อปเลิฟไม่สามารถหลบได้ เธอจึงใช้พลังม่านบาเรียป้องกันไว้ด้วยการยืนมือทั้งสองข้างออกไปข้างหน้าเพื่อสร้างม่านพลัง

ป๊อปพีช: งั้นเอานี่ไปก่อนดีกว่า! ป๊อปบาสเตอร์!!

ป๊อปพีชยิงลูกพลังจากมือข้างขวาใส่สุนัข ทำให้สุนัขร่วงลงสู่พื้นและหยุดชะงักไปชั่วครู่

ป๊อปเลิฟ: พีช!! จะทำแบบนั้นไม่ได้นะ!!

ป๊อปพีช: แต่ว่า.. มันเริ่มโจมตีพวกเราก่อนนี่นา??

ป๊อปเลิฟ: ก็ถูกของเธออยู่นะ แต่เราต้องหาทางสงบศึกให้ได้สิ!

ป๊อปพีช: แล้วจะให้ทำยังไงเล่า!! >︿<

ป๊อปเลิฟ: ก็ลองใช้ "ไอ้นั่น" กันสิ

ป๊อปพีช: หมายถึงเกียร์วิเศษนั่นเหรอ?

ป๊อปเลิฟ: อืม!!

จากนั้นสุนัขก็ค่อยๆ กลับมาตั้งหลัก

แต่ทว่า มันกลับบินหนีทั้งสองไปโดยที่ไม่สู้ต่อ

ป๊อปพีช: อ่ะ Σ( °Д°) หนีไปแล้ว!!

ป๊อปเลิฟ: สงสัยมันคงจะยอมแพ้พวกเราแล้วล่ะ.. ( ̄_ ̄|||)

ป๊อปพีช: แล้วแบบนี้จะทำยังไงกันต่อล่ะ?

ป๊อปเลิฟ: ก็ลองใช้เกียร์วิเศษนั่นกันดูเถอะ บางทีมันอาจจะมีพลังที่ช่วยทำให้มอคโค่มุ่งหน้าไปหาโรโค่ที่กำลังรออยู่ก็ได้

ป๊อปพีช: โอเค!!

แล้วทั้งคู่ก็เรียกเกียร์วิเศษออกมาจากเข็มกลัดบนชุด โดยมีลูกพลังออกมาจากเข็มกลัด ก่อนที่ลูกพลังทั้งสองจะเข้ามาหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน แล้วจากนั้นลูกพลังก็แปลงสภาพกลายเป็นเกียร์อีกที

จากนั้นทั้งคู่มายืนอยู่หน้าเกียร์วิเศษด้วยกันเพื่อเตรียมเริ่มเล่นป๊อปปิน

ป๊อปเลิฟ: พร้อมแล้วนะ!

ป๊อปพีช: อืม!!

ป๊อปเลิฟ/พีช: Let's pop'n music together! O(∩_∩)O

แล้วจากนั้นทั้งคู่ก็เริ่มเล่นป๊อปปินด้วยเกียร์ตัวเดียวกัน โดยแบ่งกันกดปุ่มคนละฝั่ง

===== POP'N MUSIC =====
Sunny Side / Croove

ทันทีที่เริ่มเล่นป๊อปปิน ทางด้านโรโค่ที่กำลังรอทั้งสองอยู่ที่บ้าน ก็เกิดคลื่นแสงสีฟ้าขึ้นมารอบตัวของเขาอยู่สักพักหนึ่งก่อนที่จะหายไป โดยที่เขามองไม่เห็นแสงนั้น

"โรโค่!! ฉันกำลังตามหานายอยู่นะ..."

โรโค่: เอ๊!? Σ( °_°)

โรโค่รู้สึกตกใจกับเสียงเรียกปริศนาที่ดังเข้ามาในหูของเขา

"นายอยู่ที่ไหนได้โปรดออกมาหาฉันทีเถอะ! ฉันเฝ้ารอคอยการกลับมาของนายเนิ่นนานแล้วนะ"

โรโค่: หรือว่า...!?

แล้วจากนั้นเขาก็ตัดสินใจวิ่งออกจากบ้านเพื่อไปตามหาที่มาของเสียงปริศนานั้น

โรโค่: นายกลับมาแล้วจริงๆ สินะ มอคโค่...

โรโค่อุทานเคล้าน้ำตาด้วยความคิดถึงในขณะที่กำลังวิ่งไปเรื่อยๆ

และหลังจากที่วิ่งหามาได้สักพัก ในที่สุดเขาก็ได้พบกับสิ่งมีชีวิตบางอย่างที่กำลังบินอยู่บนฟ้า

เขาหยุดยืนมองดูสิ่งนั่นด้วยความอึ้งบวกความสงสัย

"ได้โปรดมาหาฉันเถอะ! {{{(>_<)}}}"

สิ่งที่เขาเห็นนั้นก็คือตุ๊กตาสุนัขตัวสีฟ้าของเขาที่ได้บินผ่านหัวของเขาไป

โรโค่: ไม่จริงน่ะ?? นายกลับมาเกิดใหม่เป็นตุ๊กตาตัวนั้นเหรอ?!

แล้วเขาก็วิ่งตามสุนัขตัวนั้นไป

โรโค่: นี่!! มอคโค่!! ฉันอยู่ทางนี้!!

โรโค่เรียกสุนัขบนฟ้าในขณะที่เขากำลังวิ่งตามไปด้วย

แล้วจากนั้นสุนัขก็ได้หยุดแล้วหันมามองเขาที่อยู่ด้านล่าง

โรโค่: มอคโค่!! ฉันกลับมาหานายแล้วนะ!

โรโค่พยายามตะโกนพลางโบกมือเรียก แล้วจากนั้่นมอคโค่ก็บินเข้ามาหาเขา

มอคโค่: โรโค่คุง!!

มอคโค่ได้บินเข้ามากอดเขาด้วยความคิดถึง

โรโค่: ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ.. ฉันกลับมาที่นี่ก็เพื่อมาตามหานายเนี่ยแหละ... ~(>_<。)\
===== END MUSIC =====

เวลาผ่านไปหลังจากที่เล่นป๊อปปินเสร็จแล้วทั้งคู่ก็ได้กลับร่างเดิม ก่อนที่จะมุ่งหน้าไปหาโรโค่

เนียมิ: โรโค่คุง!! พวกเรากลับมาแล้ว!!

เนียมิตะโกนเรียกในขณะที่กำลังวิ่งเข้าไปหาโรโค่ ทางด้านโรโค่จึงหันมามอง

และทันทีที่มิมิได้เห็นสุนัขสีฟ้ามาอยู่กับโรโค่แล้ว เธอก็รู้สึกแปลกใจปนยินดี

มิมิ: อ่ะ! สุนัขตัวนั้นหาโรโค่เจอแล้วล่ะ!! o(*°▽°*)o

โรโค่: ครับ! ^_^ ตอนที่ผมรออยู่ที่บ้าน อยู่ๆ ผมก็ได้ยินเสียงเรียกของมอคโค่ขึ้นมา ผมจึงออกไปตามหา จนในที่สุดก็ได้เจอกับตุ๊กตา... ไม่ใช่สิ มอคโค่ที่กำลังบินหาผมอยู่แถวๆ นี่แหละครับ! (^_<)☆

เนียมิ: แสดงว่าเวทมนตร์ของพวกเราได้ผลจริงๆ ด้วยสินะ ^_^

โรโค่: เอ๊!? "เวทมนตร์"... งั้นเหรอ??

เนียมิ: อ่ะ! Σ( °Д°) เปล่าๆ คือแบบว่า นี่มันเหมือนเป็นการพบกันดั่งใช้เวทมนตร์จริงๆ เลยนะ ฮ่าๆๆ ^_^ (เกือบหลุดเรื่องตัวจริงของป๊อปเปอร์สไปแล้วไหมล่ะ...)

โรโค่: อืม! มันวิเศษเหมือนใช้เวทมนตร์จริงๆ เลยล่ะ ที่มอคโค่ได้กลับมาเกิดเป็นตุ๊กตาตัวนี้อีกครั้ง ..แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะพูดไม่ได้ซะแล้วแฮะ ทั้งที่เมื่อตอนที่มันเรียกกับตอนที่เจอกันยังพูดได้อยู่เลย...

มิมิ: สงสัยคงเป็นเพราะเวทมนตร์หมดฤทธิ์แน่ๆ เลยละมั้ง?

มิมิหันมากระซิบบอกเนียมิ

โรโค่: แต่ว่าก็ไม่เป็นไร เพราะยังไงผมก็ได้อยู่กับมอคโค่อีกครั้งสมใจแล้วล่ะ และที่สำคัญคือ.. ผมสามารถบินไปไหนมาไหนได้เหมือนกับในความฝันตอนนั้นแล้ว ^_^

มิมิ: อืม!! ยินดีด้วยนะ ^_^

เนียมิ: สุดยอดไปเลยนะ ที่ความฝันในตอนนั้นได้กลายเป็นจริงแล้ว

โรโค่: ถ้างั้นผมก็ต้องขอขอบคุณพวกพี่ทั้งสองด้วยนะครับ ถ้าไม่ได้เจอกับพวกพี่ละก็.. ผมก็อาจจะไม่ได้เจอกับมอคโค่ในวันนี้ด้วยก็ได้

มิมิ: อืม! ^_^

และในทันใดนั้นก็มีแสงสว่างส่องมาจากทางหนึ่ง และเมื่อทั้งคู่หันไปดูก็พบกับแสงสีขาวส่องขึ้นมาเป็นแท่งเสาอยู่ใจกลางของเมือง

มิมิ: แสงนั่นมัน...?!

เนียมิ: พวกเรารีบไปดูกันเถอะ!!

แล้วทั้งคู่กับโรโค่ก็ได้ขี่บนหลังของมอคโค่เพื่อบินไปดูจุดที่มีแท่งแสงส่องออกมา

และเมื่อมาถึงหน้าแสงดังกล่าวก็พบกับ "เศษลูกแก้วเวทมนตร์" ที่กำลังลอยอยู่กลางแสงนั้น โดยเศษลูกแก้วได้ลอยอยู่ภายในหอระฆังบนยอดอาคารที่อยู่ใจกลางของเมืองพอดี

มิมิ: "เศษลูกแก้วเวทมนตร์" นี่!! Σ( °o °)

เนียมิ: มันซ่อนอยู่ในหอระฆังที่อยู่ใจกลางของเมืองนี้เอง..!

ส่วนโรโค่ก็มองที่เศษลูกแก้วด้วยความตะลึง

แล้วมิมิก็นำเศษลูกแก้วเวทมนตร์ชิ้นที่สี่มาประกอบรวมกับเศษลูกแก้วชิ้นอื่นที่อยู่บนซิลลี่คีย์



มิมิกับเนียมิ ได้รับสแตมป์ดวงที่ 4 เรียบร้อยแล้ว!!

เนียมิ: ในที่สุดก็เหลืออีกแค่ชิ้นเดียวแล้วนะ!!

มิมิ: อืม!! ^_^

เนียมิ: ว่าแต่.. ถ้ามันอยู่บนหอระฆังนี้ตั้งแต่แรก แล้วทำไมมันถึงไม่ส่องแสงออกมาให้เห็นตั้งแต่ที่พวกเราเพิ่งมาถึงเมืองนี้หว่า??

มิมิ: อาจเป็นเพราะมันอาจจะต้องการให้มอคโค่มาช่วยพวกเรารับเศษลูกแก้วบนนี้ก็ได้นะ

เนียมิ: อืม! นั่นสินะ ก็อยู่ตั้งสูงขนาดนี้นี่นา

โรโค่: งั้นก็แสดงว่าต้องจากกันแล้วสินะ...

มิมิ: อืม!! พวกเราต้องไปที่อื่นต่อแล้วล่ะ

โรโค่: ถ้างั้นก็... มาบินเล่นแถวๆ นี้เป็นการส่งท้ายแล้วกันนะ!

มิมิ: อืม!! ^_^

แล้วจากนั้นมอคโค่ก็พาบินไปตามที่ต่างๆ รอบๆ เมืองเป็นการปิดท้าย ซึ่งทั้งสองรวมถึงโรโค่ก็ได้ชมทัศนียภาพเบื้องล่างกันอย่างมีความสุข ภายใต้แสงตะวันอันแสนอบอุ่นใจที่ใกล้จะลับขอบฟ้า

โรโค่: ในที่สุดก็ถึงตาของพวกเราบ้างแล้วนะ!

โรโค่บอกกับมอคโค่

--------------------------------------------------------------------------------

ทางด้านเซ

"อะไรนะ!! "นักรบในตำนานป๊อปเปอร์ส" งั้นเหรอ??"

เสียงของชายผู้หนึ่งที่เป็นหัวหน้าของอะไรสักอย่าง ตะโกนออกมา

เซ: เจ้าค่ะ... (´。_。`)

ชายผู้นั้นลุกขึ้นจากบัลลังก์ก่อนที่จะกล่าว

"ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ มันปรากฏตัวมาจากไหนกัน?? แสดงว่าต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ เลย!!"

เซ: แต่ก็ดีแล้วนี่คะ ที่ท่านกลับมาคืนชีพได้อีกครั้งหนึ่ง..

"ดีซะที่ไหนล่ะ!! ก็ยังมี "นักรบในตำนานป๊อปเปอร์ส" กลับมาด้วยนี่นา!!"

จากคำบ่นนี้ ทำให้เซไม่กล้าพูดอะไรต่ออีก

"เอาล่ะ เหลือเวลาอีกไม่กี่วันแล้ว พวกเจ้าทั้งหมดก็เตรียมกำลังกันไว้ให้พร้อมนะ! เพราะศึกครั้งนี้มันไม่ง่ายอย่างที่เคยวางแผนไว้แน่!!"

หัวหน้าของเซสั่งการทหารทั้งหมดที่อยู่ภายในห้องให้เตรียมพร้อมรบ

--------------------------------------------------------------------------------

ขณะเดียวกัน ที่เมืองหลวงของอาณาจักรเทพนิยาย ก็ได้เกิดปรากฏการณ์แบบเดียวกับครั้งก่อนหน้าขึ้นมาบนท้องฟ้าอีกครั้ง มันเป็นลักษณะกลุ่มเมฆที่หมุนวนกันเป็นหลุมเมฆขนาดใหญ่บนท้องฟ้าคล้ายกับตาพายุ

ไดโน: นั่นมัน... อีกแล้วเหรอเนี่ย??

ไดโนที่ดูอยู่บนระเบียงของปราสาทรู้สึกตะลึงอย่างมากที่ได้เห็นปรากฏการณ์นี้อีกครั้ง

ไดโน: แสดงว่าในอีกไม่นานก็จะถึง "วันพิพากษา" แล้วสินะ... แล้วเด็กพวกนั้นจะกลับมาทันไหมล่ะเนี่ย??

ไดโนพูดถึงมิมิกับเนียมิที่กำลังทำภารกิจอยู่




>>>>> TO BE CONTINUED <<<<<