22 กันยายน 2565

pop'n music RESPECT : STAGE 35 「ศึกวันพิพากษา! เอลฟ์ในตำนานปรากฏตัว」

【ความเดิมตอนที่แล้ว】

มิมิ: ฉันว่าลองใช่นี่ดูอีกทีนะ คราวนี้ฉันคิดว่าน่าจะเวิร์กแล้วล่ะ!

มิมินำซิลลี่คีย์ออกมา

เนียมิ: จะเปิดประตูมิติเหรอ?

มิมิ: อืม!! ฉันจะลองเปิดไปยังปราสาทของไดโนให้ได้ดู!

แล้วมิมิก็ทำการปักซิลลี่คีย์ลงพื้นเพื่อเปิดประตูมิติ

มิมิ: เอาล่ะ พร้อมแล้วนะ!

เนียมิ: อืม!!

จากนั้นทั้งสองก็จับมือกันคนละข้าง ก่อนที่จะกระโดดลงไปยังหลุมมิติพร้อมกัน

--------------------------------------------------------------------------------


STAGE 35
「ศึกวันพิพากษา! เอลฟ์ในตำนานปรากฏตัว」


--------------------------------------------------------------------------------

ทางด้านไดโนที่กำลังนั่งแช่อ่างน้ำอุ่นอยู่

ไดโน: เฮ่อ.. ได้แช่อ่างน้ำอุ่นแบบนี้ มันรู้สึกฟินอย่างบอกไม่ถูกจริงๆ นะขอรับ...

แล้วจากนั้นก็เกิดหลุมมิติขึ้นมาที่ด้านบนของเขา ก่อนที่จะมี มิมิกับเนียมิ ตกลงมาจากหลุมนั้น ทำให้น้ำในอ่างสาดกระจายไปทั่วห้อง

ไดโน: โอ้ย.. มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย?

ไดโนค่อยๆ ตั้งสติหลังจากที่ถูก มิมิกับเนียมิ ร่วงลงมากระแทกใส่

ส่วนทั้งสองก็ส่องมองไปทั่วเพื่อดูว่าที่นี่คือที่ไหน จนกระทั้งหันมาเห็นไดโนที่อยู่ข้างๆ

เนียมิ: อ่ะ!! ท่านไดโน!! Σ( °o °)

ไดโน: เฮ้ย! Σ( °o °) เจ้าเด็กทั้งสองนี่!!

ไดโนหันมาหาทั้งสองด้วยความตกใจ

มิมิ: ฮ่าๆ ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งนะคะ (*^▽^*)

ไดโน: อะฮ้า! ^_^ ยินดีต้อนรับกลับนะ ในที่สุดพวกเจ้าก็รวบรวมเศษลูกแก้วได้ครบกันแล้วสินะ!

เนียมิ: แน่นอน (^_<)☆

เนียมินำซิลลี่คีย์ในสภาพลูกแก้วสมบูรณ์ออกมาให้เขาดู

ไดโน: ว้าว!! (☆▽☆) ลูกแก้วกลับมาอยู่บนหัวกุญแจแล้วจริงๆ ด้วย! ข้าคิดไม่ผิดจริงๆ ที่อยากให้พวกเธอมารับภารกิจนี้ เพราะถ้าให้ "หมอนั่น" (แอสคอต) รับภารกิจนี้ล่ะก็... ข้าคิดว่ากุญแจคงหายไปพร้อมกับเศษลูกแก้วทั้งหมดแล้วแน่ๆ ...เอ๊?

ไดโนเพิ่งรู้สึกตัวกับเรื่องบางอย่าง

เนียมิ: มีอะไรเหรอ?

ไดโน: แล้วทำไมพวกเจ้า... ถึงมาอยู่ในห้องอาบน้ำของข้าได้ล่ะ!? ╰(‵□′)╯

ไดโนตะคอกใส่ทั้งสอง ทำให้ทั้งสองตกใจจนปิดหูแทบไม่ทัน

เนียมิ: คือว่า... กุญแจมันพาพวกเรามาโผล่ที่นี่น่ะคะ (っ °Д °;)っ

ไดโน: ซิลลี่คีย์เหรอ? เอ๊! หรือว่าพวกเธอจะ...? (⊙ˍ⊙)

มิมิ: ใช่คะ! พวกเราลองใช้เวทมนตร์จากซิลลี่คีย์เปิดประตูมิติเพื่อกลับมาที่ปราสาทแห่งนี้!

ไดโน: โห๊ สุดยอด!! พวกเธอใช้เวทมนตร์ของซิลลี่คีย์เป็นกันด้วยเหรอเนี่ย??

เนียมิ: คือที่จริงแล้ว พวกเราไปเจอกับคนที่รู้เรื่องเกี่ยวกับซิลลี่คีย์มาน่ะคะ พวกเราก็เลยได้ทราบวิธีใช้เวทมนตร์ต่างๆ ของซิลลี่คีย์

ไดโน: แบบนี่เอง.. ^_^

จากนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมา

"ท่านไดโนกำลังทำอะไรอยู่? ข้าพเจ้ามีเรื่องเร่งด่วนที่ต้องรีบมาแจ้งให้ทราบขอรับ!"

จากนั้นทั้งหมดก็ออกมาจากห้องน้ำ

ไดโน: มีเหตุด่วนอะไรล่ะ?

"คะ.. คือว่า... พวกมันมาแล้วขอรับ!!"

องครักษ์นายนั้นตอบด้วยสีหน้าหวาดกลัว เหงื่อแตก ขาสั่น

ไดโน: พวกมัน...?? หรือว่าจะเป็น??

"ใช่แล้วขอรับ พวกจักรวรรดิมันบุกมาแล้ว!!"

ไดโน/มิมิ/เนียมิ: เอ๋!? \(〇_o)/

ทั้งสามตะโกนด้วยความตกใจ

--------------------------------------------------------------------------------

จากนั้นทั้งหมดจึงรีบไปยังบริเวณระเบียงของท้องพระโรง เพื่อดูสิ่งที่เกิดขึ้นภายนอกปราสาท

ไดโน/มิมิ/เนียมิ: โห... (⊙_⊙;)

สิ่งที่พวกเขาเห็นนั้นก็คือ... ฝูงยานรบขนาดใหญ่จำนวนมากที่กำลังลอยอยู่เบื้องหน้า ซึ่งบนท้องฟ้าได้เปลี่ยนเป็นคล้ายกับเมฆฝนสีแดงเข้ม และบริเวณของเมฆนั้นมีหลุมขนาดใหญ่ที่ดูคล้ายกับตาพายุ

ไดโน: ไม่จริง... "วันพิพากษา" ได้มาถึงแล้วเหรอเนี่ย!?

เนียมิ: "วันพิพากษา" งั้นเหรอ?

เนียมิหันมาถามไดโน

ไดโน: มันเป็นวันที่เหล่ากองทัพปิศาจแห่งจักรวรรดิ Desperus จะมารุกรานอาณาจักรเพื่อยึดครองเมืองหลวงแห่งนี้ยังไงล่ะ!

มิมิ: จักรวรรดิ Desperus เอ๊!? หรือว่า...!

มิมิรู้สึกคุ้นๆ กับชื่อจักรวรรดินี้

ไดโน: ใช่! คนที่มาขโมยซิลลี่คีย์ไป พยายามจะเอาไปปลดปล่อยหัวหน้าจักรวรรดิในตำนานที่เคยถูก "สองนักรบหญิงในตำนาน" จองจำไปเมื่อ 1,000 ปีที่แล้ว แต่ดูเหมือนว่าลูกแก้วจะแตกออกหลังจากที่เวทย์ปลดปล่อยสำเร็จไปแล้ว...

มิมิ: เอ๊!? แต่ท่านไดโนเคยบอกว่า เวทมนตร์ของกุญแจจะใช้งานได้เฉพาะ "ผู้ที่ถูกเลือก" เท่านั้นนี่คะ?

ไดโน: คนที่ขโมยไปอาจจะใช้พลังบางอย่างทำให้เข้าถึงเวทมนตร์จากกุญแจก็เป็นได้ แต่ถึงยังไง ต่อให้ใช้พลังจากกุญแจได้ ถ้าหากไม่ใช่ "ผู้ที่ถูกเลือก" ลูกแก้วบนกุญแจก็ต้องแตกออกอยู่ดี

"ท่านองค์ชายกำลังต้องการความช่วยเหลืออยู่หรือขอรับ?"

อยู่ๆ ก็มีเสียงของชายผู้หนึ่งเรียกขึ้นมาจากด้านหลัง ทั้งหมดจึงหันไปมอง

ไดโน: ไม่จริงน่ะ... นายคือ...?

ไดโนรู้สึกตกใจเล็กน้อยเมื่อได้เห็นหน้าเขา

"ยินดีที่ได้พบกันนะขอรับ พระราชโอรสองค์ปัจจุบันแห่งอาณาจักรเทพนิยาย นามของข้าคือ อาร์ค (Ark)"

ไดโน: ไม่จริงน่ะ? นายก็คือเอลฟ์ในตำนานที่ผู้คนร่ำลือกันหรือ?

มิมิ/เนียมิ: เอ๋!? "เอลฟ์ในตำนาน" งั้นเหรอ??

ทั้งสองถามด้วยความตกใจ

ไดโน: ใช่! เขาเป็นเอลฟ์ในตำนานอายุกว่าพันปี มีฝีมือการยิงธนูที่ยอดเยี่ยมมาก ชนิดที่เรียกได้ว่าต่อให้เจอศัตรูรุมเป็นร้อย แต่เขาก็จัดการได้ทั้งหมดด้วยตัวคนเดียวเลยล่ะ! และเมื่ออดีตกาลเขาเคยเป็นหนึ่งในผู้กอบกู้อาณาจักรของเราจากการรุกรานของพวกจักรวรรดิอีกด้วยนะ!

มิมิ/เนียมิ: โห๊!? จริงเหรอเนี่ย?? (⊙o⊙)

ไดโนพยักหน้าตอบ แล้วหันมาคุยกับอาร์คต่อ

ไดโน: นั่นสิ! แล้วทำไมถึงมาที่นี่ล่ะ ปกติแล้วนายไม่เคยสู้เพื่อใครนอกจากอาณาจักรของท่านเองนี่หนา?

อาร์ค: มันก็แน่นอนอยู่แล้ว ก็วันนี้เป็น "วันพิพากษา" ไง ถ้าหากไม่มาช่วย อาณาจักรแห่งนี้อาจจะกลายเป็นฐานที่มั่นใหม่ของพวกจักรวรรดิก็เป็นได้ ...และข้าก็ได้ยินมาว่า "นักรบในตำนานป๊อปเปอร์ส" รุ่นใหม่อยู่ที่นี่อีกด้วย...

แล้วเขาก็มองไปยัง มิมิกับเนียมิ ทำให้ทั้งสองสะดุ้งเล็กน้อย

ไดโน: นักรบในตำนานป๊อปเปอร์ส? หมายถึง "สองนักรบหญิงในตำนาน" ที่เคยใช้ซิลลี่คีย์ปิดผนึกหัวหน้าจักรวรรดินั่นน่ะเหรอ?

อาร์ค: ถูกต้องแล้ว! เมื่ออดีตกาลข้าเคยเป็นผู้นำทางทั้งสองไปยังสถานที่ที่ใช้ปิดผนึกจอมมาร และเด็กทั้งสองคนนี้แหละ ก็คือ "นักรบในตำนานป๊อปเปอร์ส" คนปัจจุบัน

ไดโน: เอ๋!? Σ( °o °) นี่นายพูดเรื่องอะไรกันน่ะ?? เด็กสองคนนี้น่ะ...

คำพูดของไดโนขาดหายไปเพราะนึกอะไรไม่ออก มิมิกับเนียมิ จึงพูดแทรกเข้ามา

เนียมิ: ที่จริงแล้ว... พวกเรานี่แหละคือ "นักรบในตำนานป๊อปเปอร์ส" ค่ะ...

ไดโน: อ่ะ!? จริงดิ!? (´・ω・`)?

อาร์ค: จริงแท้แน่นอนเลยล่ะ ก็ดูที่ข้อมือข้างขวาของพวกเขาสิ

แล้วไดโนก็มองไปยังข้อมือข้างขวาของทั้งสอง เขาก็พบว่าทั้งสองสวมกำไลป๊อปเปอร์สอยู่ (ของมิมิเป็นสีชมพู ส่วนเนียมิสีฟ้า)

ไดโน: จริงด้วย..! นั่นมัน... กำไลป๊อปเปอร์สนี่หนา!! (ไม่ทันได้สังเกตมาก่อนเลย)

แต่ก่อนที่ไดโนจะได้ถามอะไรต่อกับทั้งสอง อยู่ๆ ทางฝั่งจักรวรรดิก็ได้ประกาศบางอย่างออกมา โดยเป็นเสียงประกาศที่ดังออกมาจากยานรบยักษ์ลำหนึ่ง

"อะฮืม... เทสๆ 1 2 3 4... พวกเจ้าได้ยินที่ข้าพูดไหม?"

และหลังจากที่ทั้งหมดได้ยินเสียงประกาศที่ดังก้องกังวานออกมา จึงหันมามองกลุ่มยานรบยักษ์เพื่อฟังเสียงประกาศ

"ที่พวกเรามาในวันนี้ ก็เพื่อจะมายึดครองพระราชวังแห่งนี้ ตามกำหนดการของ "วันพิพากษา" ในปฏิทินแห่งจักรวรรดิ Desperus แต่ก่อนที่พวกเราจะเริ่มกระทำการนั้น ข้ามีข้อแลกเปลี่ยนที่อยากจะเสนอให้กับพวกเจ้าก่อน ส่วนข้อเสนอก็คือ... ข้าต้องการกุญแจเวทมนตร์ "ซิลลี่คีย์" ที่อยู่กับพวกเจ้า ณ ที่แห่งนี้ หากพวกเจ้ายอมมอบซิลลี่คีย์มาให้ข้าแต่โดยดี พวกข้าจะยอมถอยทัพกลับไปโดยที่ไม่กลับมาบุกยึดปราสาทแห่งนี้อีกเลย ...เอาล่ะ ข้ามีเวลาให้ 5 นาทีนะ หากหมดเวลาแล้วยังไม่ได้รับกุญแจละก็... พวกเราจะเริ่มเปิดศึกในทันที!"

อาร์ค: เสียงนี่มัน... "เซ็นต์ทานัวร์" (Saint Taneu)* นี่!!

แล้วจากนั้นอาร์คก็วิ่งออกจากท้องพระโรงไปอย่างรวดเร็ว

ไดโน: อ้าว!! เดี๋ยวก่อนสิ!! จะไปไหนน่ะ!?

เนียมิ: เซ็นต์ทานัวร์เหรอ? คือใครกันน่ะ

ไดโน: เออ... ก็คือผู้นำของจักรวรรดิ Desperus หรือเรียกอีกอย่างก็คือ "จอมมาร" ในตำนานยังไงล่ะ!

มิมิ/เนียมิ: เอ๋!?

ทั้งสองตะโกนด้วยความตกใจ

*หมายเหตุจากผู้เขียนนิยาย: จริงๆ แล้วเขาก็คือ "แซตตัน" (Sattan) จากเกมต้นฉบับ แต่ในเวอร์ชั่นนิยายได้เปลี่ยนชื่อใหม่ เพื่อเลี่ยงการอ้างอิงถึงสิ่งชั่วร้ายทางศาสนา*

--------------------------------------------------------------------------------

ทางด้านอาร์คเขาได้วิ่งออกมายังนอกปราสาท โดยได้กระโดดโลดโผนไปตามต้นไม้ต่างๆ ด้วยความคล่องแคล่วว่องไว ก่อนที่จะมาหยุดอยู่บนยอดหลังคาหนึ่ง

อาร์ค: ไม่นึกเลยว่าผ่านมาอีกหนึ่งพันปี ข้าต้องกลับมาสู้กับพวกจักรวรรดิอีกครั้ง...

เขามองฝูงยานที่อยู่เบื้องบนสักพัก ก่อนที่จะเริ่มสอดลูกธนูเวทย์มนตร์สีทองเข้ามายังคันธนู ก่อนที่จะเริ่มยิงออกไป

ลูกธนูนั้นพุ่งออกไปเป็นลักษณะคล้ายกับเส้นเลเซอร์สีทองที่สว่างไสว และมันได้พุ่งเข้าไปโดนยานรบยักษ์ลำหนึ่ง

ทันทีที่ลูกธนูปักโดนยานลำนั้น ยานก็ระเบิดและร่วงลงสู่พื้น ทำให้เซ็นต์ทานัวร์ที่อยู่ภายในห้องบัญชาการของยานแม่ถึงกับอึ้งตาค้างไปเลย เพราะไม่คิดว่าลูกธนูน้อยๆ เพียงลูกเดียวจะถึงขั้นทำลายยานขนส่งทหารลงได้

"ยานเราโดนสอยร่วงไปแล้ว เอาไงต่อดีขอรับ?"

หนึ่งในทหารของเขาที่อยู่ข้างๆ หันมาถาม

เซ็นต์ทานัวร์: เออ... ถ้ามันเริ่มโจมตีก่อน พวกเราก็บุกเลยสิ!!

แล้วจากนั้นฝูงยานทั้งหมดก็เริ่มเปิดฉากโจมตีพระราชวัง โดยมีทั้งกระสุนเลเซอร์ที่ยิงออกมาจากทั้งยานแม่และยานขนส่ง

--------------------------------------------------------------------------------

ทางด้านมิมิเนียมิ หลังจากที่เห็นพวกจักรวรรดิเริ่มโจมตีเข้ามายังปราสาท พวกเธอก็ถึงกับตกใจจนทำอะไรไม่ถูก เพราะเสียงที่ได้ยินในตอนนั้นมันมั่วซั่วไปหมด

ไดโน: รีบไปหลบยังห้องใต้ดินกันก่อนเถอะ!!

แล้วทั้งหมดก็ตามไดโนไปยังห้องหลบภัยใต้ดิน

--------------------------------------------------------------------------------

ณ ห้องหลบภัยลับที่อยู่ในชั้นใต้ดินของปราสาท ซึ่งมีลักษณะเป็นห้องที่ทำด้วยอิฐหิน และมีเพียงแค่แสงสลัวจากตะเกียงเท่านั้น

ไดโน: ซิลลี่คีย์ยังอยู่กับพวกเธอใช่ไหม?

มิมิ: ค่ะ!!

มิมิพยักหน้า

ไดโน: งั้น... ข้าจะต้องมอบภารกิจใหม่ให้กับพวกเธอทั้งสองแล้วล่ะนะ!

เนียมิ: นั่นก็คือ... ไปปิดผนึกจอมมารด้วยซิลลี่คีย์ใช่ไหม?

ไดโน: เอ๊!? ทำไมถึงรู้ด้วยล่ะ!? (⊙_⊙)? (ข้ายังไม่ได้บอกอะไรเลยนะ)

มิมิ: ก็เพราะพวกเราทราบเรื่องนี้มาจากท่านผู้หนึ่งที่พวกเราพบระหว่างทางไปทำภารกิจรวบรวมเศษลูกแก้วน่ะคะ ...เขาบอกว่า ต้องเดินทางไปยังวิหาร Kobulr เพื่อนำซิลลี่คีย์ไปเสียบกับ "บล็อกกี้ล็อค" ที่อยู่ในนั้นเพื่อปิดผนึกจอมมาร...

ไดโน: อืม... ก็ตามที่พวกเจ้าได้ยินมานั่นแหละ! นั่นก็คือภารกิจใหม่ที่พวกเจ้าทั้งสองต้องไปทำกันในวันนี้... และเดี๋ยวนี้ด้วยนะ ...เออ นั่นสิ แล้วเจ้าไปยินเรื่องนี้มาจากใครกันเหรอ?

มิมิ: เป็นความลับจ๊ะ...!

ไดโน: เอ๋!? บอกกันหน่อยไม่ได้เหรอ?? ∑(°ロ°)

เนียมิ: เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของเจ้าของข้อมูล พวกเราเปิดเผยไม่ได้... (^_<)☆

มิมิ: ว่าแต่... แล้วเราจะไปที่นั่นได้ยังไงกันล่ะ...?

จากนั้นไดโนก็คิดอะไรอยู่สักพัก ก่อนที่จะนำแผนที่ที่แสดงตำแหน่งของวิหาร Kobulr ออกมาให้ทั้งสองดู ซึ่งอยู่ไกลออกไปจากนครหลวงมากเลยทีเดียว

ไดโน: ถ้าจะไปให้ถึงที่นั่นภายในวันเดียว มีทางเดียวคือต้องเดินทางด้วยพาหนะทางอากาศเท่านั้น แต่ในนครหลวงของเราไม่มีพาหนะทางอากาศให้บริการ และที่นั่นก็ไม่มีสถานีรถไฟด้วย ถ้าจะเดินเท้าไปต้องใช้เวลาอย่างน้อย 35 วันเลยล่ะ!

มิมิ: แต่เราก็ใช้ซิลลี่คีย์ เทเลพอร์ตไปที่นั่นก็ได้นี่ค่ะ?

ไดโน: ไม่ได้หรอก... เวทย์ประตูมิติจะใช้งานได้ก็ต่อเมื่อพวกเจ้าเคยไปที่นั่นมาแล้วครั้งหนึ่งเท่านั้น และถ้าพยายามจะเปิดประตูไปยังที่ๆ ไม่เคยไป อาจจะทำให้ไปโผล่อยู่ที่ไหนสักแห่งที่อาจจะไม่ใช่วิหาร Kobulr ก็เป็นได้ ซึ่งหากถึงขั้นเลวร้ายก็อาจจะไปโผล่อยู่กลางมหาสมุทรเลยก็ได้ (จมน้ำทะเลไปเลย)

แล้วจากนั้นทั้งสามก็คิดกันหนักกับเรื่องนี้ว่าจะเอายังไงกันต่อดี เพราะถ้าหากเดินไปเหมือนตอนที่ทำภารกิจแรกล่ะก็ ต้องใช้เวลา 35 วันในการไปถึงที่นั่น

"ท่านไดโนขอรับ!"

อยู่ๆ ก็มีทหารนายหนึ่งรีบวิ่งเข้ามาหา

ไดโน: มีเรื่องใดรึ? (ข้ากำลังซีเรียสอยู่นะ)

"ขณะที่พวกเรากำลังสู้กันอยู่ ก็มีตัวอะไรไม่รู้มาช่วยพวกเราสู้ด้วยขอรับ!!"

ไดโน: เอ๋!? มันคือตัวอะไรรึ (´・ω・`)?

"ถ้าไม่เชื่อก็ลองออกมาดูสิ!! ตัวที่ว่านั่นน่ะ ช่วยพวกเราได้เยอะเลยขอรับ!!"

--------------------------------------------------------------------------------

แล้วทั้งสามก็ตามออกมาดูสถานการณ์การสู้รบด้านนอกปราสาท พบว่าบนฟ้ามีตัวบินได้สีฟ้าๆ กำลังบินไปโจมตียานข้าศึกอย่างรวดเร็ว

ซึ่งตัวนั้นกำลังปล่อยลำแสงเลเซอร์เป็นจำนวนหลายเส้นเข้าโจมตีเป้าหมายจำนวนมากเป็นระยะๆ และบนตัวนั้นมีคนที่ขึ้นไปขี่มันอยู่

และเมื่อพวกเธอลองสังเกตให้ดี พบว่าตัวนั้นมันดูคุ้นๆ เป็นอย่างมาก

มิมิ: เอ๊!? นั่นมัน...?

สิ่งที่เริ่มเห็นชัดเจนคือ เป็นตัวบินได้สีฟ้าคล้ายสุนัข และคนที่กำลังขี่นั้นได้ยิงปืนเลเซอร์ทำลายยานข้าศึกเป็นระยะๆ อีกด้วย

เนียมิ: ไม่จริงน่ะ...? นั่นมัน... "โรโค่ มอคโค่" (Roco*Moco) นี่!!

เขาผู้นั้นก็คือ "โรโค่ มอคโค่" ที่เคยเจอเมื่อคราวก่อนนั่นเอง โดยพวกเขานั้นได้ช่วยถล่มข้าศึกจนฝ่ายไดโนเริ่มได้เปรียบ ส่วนฝ่ายจักรวรรดิก็สูญเสียไปเยอะอย่างเห็นได้ชัด

โรโค่: เอาล่ะ มาปิดเกมกันเถอะ!!

โรโค่บอกกับมอคโค่ที่ขี่อยู่ แล้วจากนั้นมอคโค่ก็ใช้ท่าไม้ตายด้วยการปล่อยคลื่นแสงเลเซอร์สีฟ้าจำนวนมากที่เมื่อกระทบเป้าหมายแล้วออกมาเป็นคล้ายกับดอกไม้ไฟเข้าใส่ยานข้าศึกทั้งหมด ทำให้ยานข้าศึกเกือบทั้งหมดยกเว้นยานแม่ ระเบิดไปในทันที

เนียมิ: โห!! สุดยอด!! (⊙_⊙;) (อย่างกับ Panzer Dragoon)

เนียมิอึ้งสุดขีดที่ได้เห็นการต่อสู้สุดอลังการของโรโค่มอคโค่ แน่นอนว่าเหล่าทหารของราชวังเองก็อึ้งเช่นกัน

แล้วโรโค่มอคโค่ก็จ้องมองไปทางยานแม่เพื่อดูเชิงอยู่พักหนึ่ง

โรโค่: เหลือแต่ยานแม่แฮะ... ถ้าทำลายจากด้านนอกไม่ได้ ก็คงต้องลองบุกเข้าไปทำลายจากด้านใน?

มิมิ: เฮ้!! โรโค่ มอคโค่!!

มิมิตะโกนและโบกมือเรียก ทำให้เขาหันมาหาเสียงเรียกของเธอ

โรโค่: อ่ะ!! Σ( °o °) พี่มิมิ กับ พี่เนียมิ!!

แล้วเขาก็บินลงไปหาทั้งสองด้วยความสนใจ

เนียมิ: ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งนะ ^_^

เนียมิกล่าวหลังจากที่โรโค่เดินลงมาจากหลังของมอคโค่

มิมิ: โห! เมื่อกี้นี้สุดยอดไปเลยนะ! ไม่นึกเลยว่ามอคโค่จะมีพลังแบบนี้อยู่ด้วย ...แล้วเธอกลายเป็นนักรบไปแล้วงั้นเหรอเนี่ย??

มิมิถามเพราะเห็นโรโค่ใช้ปืนเวทย์มนตร์เป็นอาวุธในระหว่างการต่อสู้ด้วย

โรโค่: คือว่าเรื่องมันยาวน่ะ เดี๋ยวผมเอาไว้เล่าที่หลังเมื่อมีโอกาสดีกว่า

มิมิ: อืม ไม่เป็นไร

โรโค่: แล้วพวกพี่มาทำอะไรที่นี่กันเหรอ?

เนียมิ: พวกเรามาส่งซิลลี่คีย์คืนให้ราชวังหลังจากที่รวบรวมเศษลูกแก้วได้ครบแล้วน่ะ แต่ว่าพวกจักรพรรดิดันบุกมาซะก่อน พวกเราก็เลยต้องหาทางไปยังวิหาร Kobulr เพื่อไปปิดผนึกตัวผู้นำจักรพรรดิและหยุดการต่อสู้ครั้งนี้ให้ได้ ...จริงสิ!! พวกเรามีเรื่องอยากจะขอร้องหน่อยน่ะ

โรโค่: เรื่องอะไรงั้นเหรอ?

แต่ยังที่เธอไม่ทันได้ตอบ ก็มีฝูงยานใหม่โผล่ออกมาผ่านหลุมที่อยู่บนฟ้านั้น ทั้งหมดจึงหันไปมองยังฝูงยานที่มาเสริมกำลัง

โรโค่: ยังไม่จบเกมแฮะ ( ̄_ ̄|||)

โรโค่เริ่มรู้สึกเหนื่อยขึ้นมาหลังจากที่ได้เห็นกำลังเสริม

มิมิ: เอาเป็นว่ารีบตามพวกเราไปที่ปราสาทกันก่อนเถอะ พวกเรามีเรื่องต้องการจะให้เธอช่วยจริงๆ

โรโค่: อืม ได้สิ! ถือว่าเป็นการตอบแทนเรื่องที่พวกพี่ช่วยผมเมื่อคราวนั้นแล้วกัน ^_^

--------------------------------------------------------------------------------

แล้วทั้งหมดก็กลับมายังห้องหลบภัยในปราสาท ในขณะที่การต่อสู้เพื่อต้านทานพวกจักรพรรดิยังคงดำเนินต่อไป

เนียมิ: คือว่าพวกเราต้องการจะไปวิหาร Kobulr น่ะ แต่มันอยู่ไกลจากที่นี่มากเลย ถ้าหากให้เดินไปล่ะก็ แค่วันนี้ก็คงไม่ถึงแน่ๆ เพราะงั้นก็เลยอยากขอร้องให้เธอช่วยพาพวกเราไปส่งที่นั่นหน่อยจะได้ไหม? พวกเราต้องรีบไปที่นั่นด่วนเลยด้วยนะ

โรโค่: อืม! ได้สิ แล้วพวกพี่จะไปทำอะไรที่นั่นล่ะ?

มิมิ: พวกเราจะนำซิลลี่คีย์ไปเสียบกับ บล็อกกี้ล็อค ที่อยู่ในวิหารนั้น เพื่อปิดผนึกผู้นำจักรพรรดิ ซึ่งถ้าหากทำได้ล่ะก็ สงครามแย่งชิงอาณาจักรในครั้งนี้ก็จะยุติลงไปโดยอัตโนมัติอีกด้วยนะ

โรโค่: โห!! จริงเหรอเนี่ย? ผมไม่เคยทราบเรื่องนี้มาก่อนเลยนะ!

อาร์ค: จริงแท้ยิ่งยวดเลยล่ะ!

อาร์คที่อยู่ๆ ก็กลับมาเมื่อไหร่ไม่ทราบ เดินเข้ามาหาทั้งสาม

อาร์ค: และพวกเจ้ามีเวลานับจากนี้อีกแค่ 6 ชั่วโมงเท่านั้น ก่อนที่ผู้นำจักรพรรดิจะเริ่มใช้ "อาวุธสุดท้าย" จากยานแม่ลำนั้นมาทำลายนครแห่งนี้จนหมดสิ้น

มิมิ: อีกแค่ 6 ชั่วโมงเองเหรอ?? Σ( °o °) งั้นพวกเราก็รีบไปกันเลยเถอะ!!

เนียมิ/โรโค่: โอ้!! \(@^0^@)/

อาร์ค: แต่ข้าขอติดตามไปด้วยนะ เพราะที่วิหารแห่งนั้นเต็มไปด้วยกับดักมากมาย และมีเส้นทางที่สลับซับซ้อนมาก ขื่นเดินเข้าไปมั่วๆ ละก็ มีหวังได้ไปจบชีวิตที่นั่นเป็นแน่

มิมิ: อืม! ได้สิ พวกเรามาร่วมมือกัน!

แล้วทั้งสี่ก็ได้ออกมายังนอกปราสาทและขึ้นมาขี่บนหลังมอคโค่ เพื่อมุ่งหน้าไปยังวิหาร Kobulr

ไดโน: ขอให้โชคดีนะ!! ถ้าหากกลับมาเมื่อไหร่ เดี๋ยวข้าจะเลี้ยงโต๊ะจีนให้เลย!

ไดโนโบกมือลา ส่วนมิมิก็หันมาโบกมือให้เช่นกัน ก่อนที่มอคโค่จะบินหายลับขอบฟ้าไป

และแล้วภารกิจสุดท้ายเพื่อกอบกู้อาณาจักรเทพนิยายของพวกเขาก็ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว!




>>>>> TO BE CONTINUED <<<<<

--------------------------------------------------------------------------------

Get Reward:
Music Unlocked


Misty Er'A / Mycin.T x jam-jam