ช่วงเช้าของวันต่อมา ณ มายแคมป์ของทั้งสอง
เนียมิ: ในที่สุดก็เหลือเศษลูกแก้วอีกแค่ชิ้นเดียวแล้วนะ!
เนียมิกล่าวในขณะที่นำซิลลี่คีย์ออกมาดู
มิมิ: อืม! รู้สึกเหมือนเวลาเพิ่งผ่านไปแค่แป๊ปเดียวเองเนอะ
มิมิตอบขณะที่เธอกำลังหวีผมเพื่อเตรียมมัดผมเปียอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง (ส่วนเนียมิแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว)
เนียมิ: นั่นสิ ทั้งที่พวกเราก็ออกเดินทางมาได้ไกลมาก.. อาจจะไกลกว่าทุกครั้งเลยด้วยซ้ำ
มิมิ: อืม! ไม่เหมือนภารกิจของเมืองก่อนๆ เลยจริงๆ ส่วนมากพวกเราจะได้ออกเดินทางเต็มที่ก็แค่บริเวณรอบๆ เมืองเท่านั้น ไม่เคยออกไปไกลจากตัวเมืองขนาดนี้มาก่อนเลย
เนียมิ: แต่หมายความว่า... หากพวกเรารวบรวมเศษลูกแก้วได้ครบหมดแล้ว.. การผจญภัยในอาณาจักรเทพนิยายของพวกเราก็ต้องสิ้นสุดลงแล้วสินะ
มิมิ: ถูกต้องแล้วล่ะ!
จากนั้นเนียมิก็มองดูลูกแก้วบนซิลลี่คีย์อยู่สักพักพลางคิดอะไรไปด้วย ก่อนที่จะเก็บกลับไปโดยใช้พลังจากถุงมือทำให้หายไป
เนียมิ: รู้สึกเสียดายนิดๆ เหมือนกันแฮะ ที่พวกเราอาจจะไม่ได้ใส่ชุดนี้กันแล้ว แต่เพื่อเป้าหมายหลักของพวกเราก็ต้องมุ่งหน้ากันต่อนะ!
มิมิ: อืม!! วันนี้มาพยายามด้วยกันเป็นครั้งสุดท้ายนะ! เออ... ฉันหมายถึงเป็นผู้กล้าครั้งสุดท้ายนะ (^∀^●)ノシ
แล้วมิมิก็เริ่มมัดผมให้เป็นทรงหางเปีย
เนียมิ: เอาล่ะ แล้วสถานที่สุดท้ายที่พวกเราจะได้ไปลุยกันในวันนี้ก็คือ...
เนียมิหยิบแผนที่ของไดโนออกมาเพื่อดูสถานที่ซ่อนเศษลูกแก้วเวทมนตร์ชิ้นสุดท้าย ซึ่งอยู่ที่ "ดันเจี้ยนบันโซ"
--------------------------------------------------------------------------------
เนียมิ: ในที่สุดก็เหลือเศษลูกแก้วอีกแค่ชิ้นเดียวแล้วนะ!
เนียมิกล่าวในขณะที่นำซิลลี่คีย์ออกมาดู
มิมิ: อืม! รู้สึกเหมือนเวลาเพิ่งผ่านไปแค่แป๊ปเดียวเองเนอะ
มิมิตอบขณะที่เธอกำลังหวีผมเพื่อเตรียมมัดผมเปียอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง (ส่วนเนียมิแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว)
เนียมิ: นั่นสิ ทั้งที่พวกเราก็ออกเดินทางมาได้ไกลมาก.. อาจจะไกลกว่าทุกครั้งเลยด้วยซ้ำ
มิมิ: อืม! ไม่เหมือนภารกิจของเมืองก่อนๆ เลยจริงๆ ส่วนมากพวกเราจะได้ออกเดินทางเต็มที่ก็แค่บริเวณรอบๆ เมืองเท่านั้น ไม่เคยออกไปไกลจากตัวเมืองขนาดนี้มาก่อนเลย
เนียมิ: แต่หมายความว่า... หากพวกเรารวบรวมเศษลูกแก้วได้ครบหมดแล้ว.. การผจญภัยในอาณาจักรเทพนิยายของพวกเราก็ต้องสิ้นสุดลงแล้วสินะ
มิมิ: ถูกต้องแล้วล่ะ!
จากนั้นเนียมิก็มองดูลูกแก้วบนซิลลี่คีย์อยู่สักพักพลางคิดอะไรไปด้วย ก่อนที่จะเก็บกลับไปโดยใช้พลังจากถุงมือทำให้หายไป
เนียมิ: รู้สึกเสียดายนิดๆ เหมือนกันแฮะ ที่พวกเราอาจจะไม่ได้ใส่ชุดนี้กันแล้ว แต่เพื่อเป้าหมายหลักของพวกเราก็ต้องมุ่งหน้ากันต่อนะ!
มิมิ: อืม!! วันนี้มาพยายามด้วยกันเป็นครั้งสุดท้ายนะ! เออ... ฉันหมายถึงเป็นผู้กล้าครั้งสุดท้ายนะ (^∀^●)ノシ
แล้วมิมิก็เริ่มมัดผมให้เป็นทรงหางเปีย
เนียมิ: เอาล่ะ แล้วสถานที่สุดท้ายที่พวกเราจะได้ไปลุยกันในวันนี้ก็คือ...
เนียมิหยิบแผนที่ของไดโนออกมาเพื่อดูสถานที่ซ่อนเศษลูกแก้วเวทมนตร์ชิ้นสุดท้าย ซึ่งอยู่ที่ "ดันเจี้ยนบันโซ"
--------------------------------------------------------------------------------
「ดันเจี้ยนบันโซ」
--------------------------------------------------------------------------------
เวลาต่อมาหลังจากที่มิมิแต่งตัวเสร็จแล้ว ก็ได้เวลาที่ทั้งสองมุ่งหน้าไปยังสถานที่ถัดไป
มิมิ: สถานที่ถัดไปเป็น "ดันเจี้ยนบันโซ" งั้นเหรอ?
มิมิกล่าวขณะกำลังดูแผนที่ที่เนียมิกำลังถืออยู่
เนียมิ: อืม! จะว่าไปพวกเราเองก็เคยลุยดันเจี้ยนมาหลายที่แล้วเหมือนกันนะ
มิมิ: นั่นสิ แต่กว่าที่พวกเราจะพิชิตได้ก็เหนื่อยพอดูเลยล่ะ
เนียมิ: หรือว่าบนเกาะป๊อปปิน แต่ละเมืองจะต้องมีดันเจี้ยนอยู่อย่างน้อยหนึ่งแห่ง?
มิมิ: เอ๊!? แต่ที่เมืองแรกไม่มีดันเจี้ยนนะ
เนียมิ: เออ.. ก็นั่นสินะ แต่ก็อาจจะมีอยู่ที่ไหนสักแห่งจริงๆ ก็ได้ เพราะเมืองแรกมันใหญ่เหมือนโตเกียวจริงๆ ไม่มีทางสำรวจได้ครบในวันเดียวอยู่แล้ว
มิมิ: แต่ถ้าเกิดสมมุติว่าที่เมืองพาราไดซ์มีดันเจี้ยนอยู่จริงๆ นะ ฉันคิดว่าอาจจะเป็นดันเจี้ยนในสไตล์กึ่งๆ ไซไฟแน่ๆ เลยล่ะ
เนียมิ: ฮ่าๆ ^_^ ฉันเองก็คิดแบบเดียวกับเธอพอดีเลยล่ะ! แต่ตอนนี้เราเลิกคุยเรื่อยเปื่อย แล้วรีบมุ่งหน้าไปลงดันเจี้ยนกันเร็วๆ ดีกว่า
มิมิ: อืม!! วันนี้พวกเราต้องคว้าเศษลูกแก้วชิ้นสุดท้ายมาให้ได้เลยนะ!
เนียมิ: โอ้!! \(@^0^@)/
และหลังจากที่เดินมาได้สักพัก ในที่สุดก็มาถึงหน้าทางเข้า "ดันเจี้ยนบันโซ" โดยตัวดันเจี้ยนภายนอกมีลักษณะเป็นโดมสีน้ำตาลขนาดใหญ่ ตัวโดมสร้างจากดิน และมีหลุมขนาดใหญ่อยู่รอบโดม
เนียมิ: ที่นี่เหรอ ดันเจี้ยนบันโซ..
มิมิ: หน้าตาดูแปลกๆ ยังไงไม่รู้เหมือนกันนะ (ไม่เคยเห็นแบบนี้มาก่อนเลย)
เนียมิ: เอาเป็นว่าพวกเราก็เข้าไปลุยกันเลยเถอะ!
จากนั้นทั้งสองก็เดินเข้าไปภายในดันเจี้ยนผ่านปากทางเข้าที่อยู่ตรงหน้า
บรรยากาศภายในโดยรวมก็คล้ายกับถ้ำทั่วๆ ไป มีทางเดินเป็นลักษณะถ้ำแคบๆ แต่ไม่ค่อยมืดมิดเท่าไหร่นัก ตลอดทางมีแสงสว่างจากคบเพลิงที่ตั้งอยู่ริมทางของถ้ำเป็นระยะๆ
เนียมิ: แล้วแบบนี้.. ถ้าเกิดพวกเราเจอศัตรู จะให้แปลงร่างกันเลยไหม?
มิมิ: ถ้ายังไม่เจอระดับ "บอส" จริงๆ ฉันว่าลองใช้ซิลลี่คีย์ดูก่อนดีกว่า เพื่อมันอาจจะพอช่วยอะไรแทนกันได้บ้าง
และหลังจากที่เดินมาได้สักพัก ก็มาถึงบริเวณห้องโถงขนาดใหญ่ที่ค่อนข้างกว้าง
แต่ขณะเดียวกันทั้งสองก็ได้พบกับสิ่งมีชีวิตที่อยู่ภายในห้องนี้เป็นจำนวนมาก มีลักษณะคล้ายกับกระรอกแต่ตัวใหญ่เท่ากับพวกเธอ ซึ่งพวกเขาเหมือนกำลังทำงานอะไรบางอย่างอยู่ ทั้งสองจึงหยุดดูที่หน้าปากทางอยู่สักพัก
เนียมิ: ดูเหมือนว่าที่นี่จะเป็นเหมืองนะ และพวกเขาดูท่าทางจะเป็นมิตรกับพวกเราด้วย
และในทันใดนั้น หนึ่งในกระรอกก็หันมาเห็นพวกเธอ
"Σ( °o °) อ้าว! นั่นมันใครกันน่ะ??"
แล้วจากนั้นกระรอกตัวอื่นๆ จึงหันมามองทั้งสองด้วยเช่นกัน
มิมิ: คือพวกเรามาตามหาเศษลูกแก้วเวทมนตร์น่ะคะ ไม่ทราบว่า.. พอจะเห็นกันบ้างไหม?
"เศษลูกแก้วเวทมนตร์เหรอ? มันคืออะไรกัน??"
แล้วมิมิก็เล่าเรื่องภารกิจของพวกเธอให้ฟัง
"อ๋อ.. อย่างนี้เอง ถ้าหมายถึงสิ่งนั้นละก็ มันก็อยู่ตรงนั้นไงล่ะ!"
แล้วเขาก็ชี้ไปทางด้านซ้ายนับจากมุมมองของทั้งสอง ซึ่งจุดนั้นเป็นแท่นบูชาแบบญี่ปุ่น และบนแท่นนั้นมีเศษลูกแก้วเวทมนตร์วางอยู่
เนียมิ: เอ๊!? อยู่บนนั้นเองเหรอ?? Σ( °o °)
มิมิ: ทำไมคราวนี้กับหาเจอได้ง่ายๆ แบบนี้กันล่ะเนี่ย??
ทั้งสองอึ้งสุดขีด เพราะไม่นึกว่าเศษลูกแก้วชิ้นสุดท้ายจะหาเจอได้อย่างง่ายดายขนาดนี้มาก่อน
เนียมิ: ถ้างั้นพวกเราก็ขอรับไปแล้วนะคร๊าา... o(*^@^*)o
"เดี๋ยวก่อน!!"
เขาสั่งห้ามเนียมิที่กำลังเดินไปหาแท่นบูชา
เนียมิ: อ้าว!? ทำไมล่ะ??
"ที่จริงแล้ว... พวกเราเองก็ต้องการพลังจากเศษลูกแก้วนั้นเหมือนกัน..."
มิมิ/เนียมิ: เอ๋??? Σ( °o °)
ทั้งสองตะโกนออกมาด้วยความตลึง
"ใช่ๆ ถ้าหากไม่มีสิ่งนั่นอยู่ละก็ พวกเราก็คงไม่ได้อยู่กันอย่างเป็นสุขแบบนี้แน่"
กระรอกอีกตัวกล่าว
เนียมิ: แล้ว... เหตุใดพวกท่านถึงต้องการพลังจากเศษลูกแก้วนั่นล่ะ??
"คือที่จริงแล้วมันมีสาเหตุและที่มานะ คือว่าเรื่องทั้งหมดมันเป็นแบบนี้... ย้อนไปเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน ในช่วงค่ำของวันหนึ่ง ขณะที่ฉันกำลังกลับมาจากการหาของป่า ฉันก็ได้เห็นหางแสงประหลาดคล้ายกับดาวตก ร่วงลงมาบริเวณใกล้ๆ กับรังของพวกเรา ซึ่งตอนที่มันร่วงลงสู่พื้นได้เกิดแสงสว่างจ้าขึ้นชั่วขณะ ณ จุดที่ตก ด้วยความสงสัยฉันจึงลองเข้าไปดูที่จุดเกิดเหตุ ...เมื่อมาถึงบริเวณจุดที่ตก ก็พบกับ "เม็ดพลอย" ลึกลับที่ตกอยู่ตรงจุดนั้น ซึ่งเม็ดพลอยนั้นเปล่งแสงสีขาวและมีประกายที่สวยงามมาก ฉันจึงตัดสินใจเก็บมันกลับมาด้วย ...และหลังจากที่พยายามหาข้อมูล ก็ไม่ปรากฏว่ามีอัญมณีที่มีลักษณะเดียวกันนี้อยู่บนโลกนี้แต่อย่างใด พวกเราก็เลยเชื่อกันว่าเศษอัญมณีชิ้นนี้อาจจะเป็นของขวัญที่พระเจ้าประทานมาให้กับพวกเราชาวบันโซก็เป็นได้ เพราะในขณะนั้นพวกเรากำลังสูญเสียเครื่องรางที่สำคัญของพวกเราไปน่ะ"
มิมิ: เครื่องรางงั้นเหรอ?
"อืม! มันเป็นเครื่องรางศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยป้องกันไม่ให้มีศัตรูหรือสิ่งอื่นใดรุกล้ำเข้ามาภายในรังแห่งนี้ได้ ซึ่งเครื่องรางที่ว่านี้ได้หายไปจากแท่นบูชาอย่างลึกลับในวันหนึ่ง และจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีเบาะแสเกี่ยวกับเครื่องรางที่หายไปแต่อย่างใด"
เนียมิ: แล้วถ้าเกิดไม่มีเครื่องรางนั้นอยู่ มันจะเกิดอะไรขึ้นกับพวกท่านงั้นเหรอ?
"ก็... ที่จริงแล้วบริเวณใต้ดินลึกลงไปจากจุดนี้ มีสัตว์ประหลาดชั่วร้ายออกอาละวาดอยู่น่ะ"
เนียมิ: สัตว์ประหลาด?
"มันเป็นสัตว์ประหลาดยักษ์ลึกลับที่ออกหากินไปทั่วใต้ดิน มันสามารถ "ขุด" โพรงไปยังที่ไหนก็ได้ในใต้พิภพแห่งนี้ และที่นี่ก็คือเป้าหมายหลักของมันซะด้วย แต่ด้วยพลังเวทมนตร์จากเครื่องรางทำให้มันไม่สามารถบุกเข้ามายังภายในรังแห่งนี้ได้ยังไงล่ะ!"
มิมิ: งั้นก็แสดงว่าเศษลูกแก้วนี้... มันมีพลังแบบเดียวกันสินะ?
"ถูกต้องแล้ว! เพราะหลังจากที่ลองนำมาวางบนแท่นบูชาดู ก็พบว่ามันสามารถสร้างอาณาเขตเวทมนตร์ได้เหมือนกับเครื่องรางที่หายไปได้ด้วย พวกเราก็เลยเชื่อว่าเป็นของประทานจากพระเจ้ายังไงล่ะ! ...แต่ทว่า หลังจากนั้นไม่กี่วัน ก็มีเจ้าหน้าที่ของพระราชวังเดินทางมาเยี่ยมรังแห่งนี้ ซึ่งพวกเขาได้ถามหา "เศษลูกแก้วเวทมนตร์" เหมือนกับที่พวกเธอถามหานี่แหละ พวกเราก็เลยตอบไปว่าไม่มีของที่ว่านี้อยู่ ...จนมาทราบจากข่าวลือทีหลังว่าเศษอัญมณีชิ้นนี้ก็คือ เศษลูกแก้วเวทมนตร์ และก็ไม่ใช่สิ่งที่พระเจ้าทรงประทานมาให้ แต่เป็นเศษลูกแก้วของซิลลี่คีย์ที่แตกออกแล้วกระจายไปตามที่ต่างๆ ทั่วราชอาณาจักรต่างหาก..."
เนียมิ: แล้วในเมื่อพวกท่านทราบแล้วว่ามันคือเศษลูกแก้วเวทมนตร์ของซิลลี่คีย์ แล้วทำไมถึงไม่นำไปคืนให้กับพระราชวังล่ะ?
เนียมิเริ่มขึ้นเสียงด้วยความซีเรียส
"ก็เพราะเหตุผลที่เราได้เล่าไปแล้วยังไงล่ะ ถ้าหากไม่มีอาณาเขตเวทมนตร์ป้องกันไว้ล่ะก็.. รังของพวกเราก็คงไม่เหลือด้วยฝีมือของสัตว์ประหลาดยักษ์นั้นแน่"
มิมิ: งั้นก็หมายความว่าสิ่งที่จะให้พวกเราทำเพื่อแลกกับเศษลูกแก้วชิ้นนี้ก็คือ...?
"อืม! ไปตามหา "เครื่องรางแห่งอาโกน่า" ที่หายไปกลับคืนมาให้ได้ แล้วเราจะให้เศษลูกแก้วกับพวกเธอทั้งสองเป็นการตอบแทน"
เนียมิ: โอเค!! (゜▽゜*)♪ ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ไปลุยกันเลยดีกว่า... แต่เอ๋ แล้วจะให้ไปหาที่ไหนล่ะ?? (´・ω・`)?
"ฉันได้ยินมาว่ามันหายไปในพื้นที่ใต้ดินลึกลงไปจากรังของพวกเราน่ะ แต่ไม่รู้อยู่ที่ไหนในนั้น"
กระรอกบันโซตัวหนึ่งให้เบาะแสกับทั้งสอง
มิมิ: พื้นที่ที่อยู่ลึกลงไปจากที่นี่อีกงั้นเหรอ?
"อืม! บริเวณอาณาเขตของพวกเราจะแบ่งเป็นโซนต่างๆ คล้ายกับหมู่บ้านทั่วไป แต่หลักๆ จะมีพื้นที่ที่ใช้งานประจำอยู่แค่สองแห่งเท่านั้นคือ เขตที่อยู่อาศัย กับเขตเหมืองแร่ หากเลยออกไปนอกอาณาเขตของพวกเราก็จะเป็น "พื้นที่ต้องห้าม" ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อยู่นอกแนวป้องกันของเครื่องราง และพวกเราก็ไม่มีใครกล้าออกไปยังพื้นที่นอกแนวป้องกันนั้นแม้แต่คนเดียว เพราะมันอันตรายมาก"
เนียมิ: แล้วพื้นที่ที่ว่านี้มันอยู่ตรงไหน? ช่วยพาพวกเราไปยังที่นั้นได้ไหม?
"ได้สิ! ตามมาเลย!"
แล้วหัวหน้ากระรอกก็พาทั้งสองไปยังจุดหนึ่งภายในถ้ำ ซึ่งอยู่ลึกเข้าไปจากจุดแรกพอสมควร
"นี่แหละ คือประตูที่จะเปิดไปยังพื้นที่นอกแนวป้องกัน"
สิ่งที่ทั้งสองเห็นตรงหน้า คือประตูเหล็กขนาดค่อนข้างใหญ่พอสมควร
เนียมิ: แล้วพื้นที่นอกแนวป้องกันมันมีลักษณะเป็นยังไง พอจะทราบข้อมูลไหม?
"ก็... เป็นเหมือนกับเขาวงกตน่ะ มันมีทางที่เชื่อมต่อไปยังสถานที่ต่างๆ ภายในใต้พิภพ ซึ่งอาจจะเป็นทะเลสาบใต้ดิน หรืออาจจะเป็นรังของเผ่าพันธุ์ต่างๆ ก็เป็นได้ แต่ที่แน่ๆ คือ ระหว่างทางไปยังที่ต่างๆ นั้นไม่มีแสงสว่างเลย ถ้าพวกเธอจะไป พวกเธอต้องเตรียมสิ่งช่วยให้แสงสว่างไปด้วยนะ"
มิมิ: รับทราบค่ะ!!
"และก่อนไป ฉันจะขอเตือนอะไรนิดหนึ่งนะ... ถ้าหากพวกเธอได้ยินเสียงแปลกๆ คล้ายกับเสียงกระแทก ให้เตรียมเผ่นได้เลยนะ เพราะนั่นแหละคือเสียงขุดดินของสัตว์ประหลาดยักษ์"
เนียมิ: มิมิจัง พร้อมแล้วหรือยัง?
มิมิ: อืม! ถึงจะรู้สึกไม่อยากไป แต่ก็ต้องไปแล้วล่ะ!
แล้วประตูเหล็กบานใหญ่ก็ค่อยๆ เปิดออกมาอย่างช้าๆ ซึ่งหลังประตูนั้นมืดสนิท
มิมิพลางกลืนน้ำลายตัวเองด้วยความตื่นเต้น ก่อนที่ทั้งสองจะเดินเข้าไปหลังประตูนั้น
"ขอให้โชคดีล่ะ!!"
หัวหน้ากระรอกกล่าวส่งท้าย ก่อนที่ประตูเหล็กจะค่อยๆ ปิดลงจนสนิท
ระหว่างทางที่ทั้งสองกำลังเดินไปเรื่อยๆ เนียมิได้ใช้ไฟฉายช่วยส่องทาง
เนียมิ: อืม.. ในนี้มืดจริงๆ แฮะ (เหมือนกับดันเจี้ยนซากโบราณป๊อปปินไม่มีผิดเลย)
และในระหว่างนั้นเนียมิก็หันไปสังเกตเห็นว่า มิมิกำลังเดินไปด้วยสีหน้ากล้าๆ กลัวๆ
เนียมิ: มิมิจัง เธอยังโอเคอยู่หรือเปล่า? (ท่าทางดูเดินแบบกล้าๆ กลัวๆ)
มิมิ: อืม! โอเคอยู่จ๊ะ ฉันไม่กลัวอะไรหรอก... ( ̄▽ ̄|||)
และหลังจากที่เดินมาได้สักพักใหญ่ ก็พบว่าตรงหน้าเป็นเหมือนกับห้องขนาดใหญ่
เนียมิ: เจอห้องโถงใหญ่แล้วล่ะ แล้วจะไปทางไหนกันดี?
มิมิ: ลองเดินตรงไปเรื่อยๆ ดูก่อนดีกว่า
แล้วเนียมิจึงใช้เข็มทิศช่วยจดจำทิศทางที่กำลังเดิน
แต่ทว่า หลังจากที่เดินมาได้ไม่นานก็พบกับทางตัน ทั้งสองจึงลองเดินไปยังทางซ้ายนับจากทางตัน
และหลังจากที่เดินไปเรื่อยๆ ก็พบว่าทิศทางนี้สามารถเดินต่อไปได้เรื่อยๆ
มิมิ: อืม.. ฉันว่ามันรู้สึกแปลกๆ อยู่นะ?
เนียมิ: ทำไมเหรอ?
มิมิ: ก็ทางมันเดินต่อไปได้เรื่อยๆ แต่ขนาดของห้องกลับกว้างกว่าเส้นทางที่พวกเราเดินกันมาก่อนหน้านี้นะ?
เนียมิ: เออ.. อาจจะเป็นห้องโถงก็ได้
มิมิ: แต่ฉันว่ามันไม่น่าใช่นะ เพราะถ้าเป็นลักษณะห้องโถงจริงๆ เส้นทางคงไม่ทอดยาวแบบนี้แน่ๆ ...
และในทันใดนั้น ก็เกิดแรงสั่นสะเทือนขึ้นมา ทำให้ทั้งสองเริ่มระวังตัว
เนียมิ: อะไรน่ะ?!
ทั้งสองหันไปมองรอบๆ เพื่อหาที่มาของแรงสั่นสะเทือน
จากนั้นสักพักก็มีแสงไฟปรากฏขึ้นมายังทิศทางที่พวกเธอเดินผ่านมา ทั้งสองจึงมองไปยังแสงไฟนั้น
แล้วจากนั้นไม่นานก็ปรากฏร่างของสัตว์ประหลาดขนาดใหญ่ที่กำลังเคลื่อนที่มาด้วยความเร็ว มีลักษณะเป็นตัวตุ่นที่ดูคล้ายกับหุ่นยนต์ มีจมูกเป็นสว่าน และแสงไฟนั้นเป็นแสงจากไฟฉายที่ส่องออกมาจากดวงตาของมัน
มิมิ/เนียมิ: อ๊าาาาาาา!! ∑(°ロ°)
ทั้งสองตะโกนร้องด้วยความตกใจ แล้วจากนั้นทั้งสองจึงวิ่งหนีตัวตุ่นยักษ์ที่กำลังไล่ตามพวกเธอ
ทั้งสองวิ่งอย่างสุดกำลัง แต่ฝ่ายตัวตุ่นยักษ์กลับค่อยๆ เข้ามาใกล้ได้เรื่อยๆ เพราะเคลื่อนที่ได้เร็วกว่า
มิมิ: เนียมิจัง! เดี๋ยวฉันจะใช้ "ซิลลี่คีย์" นะ!!
เนียมิ: เอ๊!?
จากนั้นมิมิก็เรียกกุญแจซิลลี่คีย์ออกมาบนมือ
มิมิ: เดี๋ยวฉันจะใช้กุญแจนี้เปิดประตูมิติบนพื้นนะ เตรียมตัว "กระโดด" ลงไปได้
เนียมิ: โอเค!!
แล้วจากนั้นเธอก็ได้ใช้ซิลลี่คีย์ปักลงไปบนพื้น และทันทีที่กุญแจถูกปักลงพื้น ก็เกิดประตูมิติขึ้นที่พื้นตรงหน้าของจุดที่ปักกุญแจ
แล้วทั้งสองก็กระโดดลงไปในประตูมิตินั้น แต่เนียมิกลับร้องเสียงหลงราวกับนั่งรถไฟเหาะเพราะว่ากำลัง "ร่วง" ลงไปอย่างต่อเนื่องภายในมิตินี้
และหลังจากที่ร่วงลงมาได้สักพัก ก็พบกับประตูมิติอีกบานที่อยู่ด้านล่าง ซึ่งประตูนั้นมีแสงสีขาวส่องออกมา
และหลังจากที่ทั้งสองได้เข้าประตูมิตินั้นไปแล้ว ทั้งสองก็ได้โผล่ออกมายังสถานที่หนึ่งด้วยการร่วงลงมาจากประตูมิติ
เนียมิ: โอ้ยๆๆ >﹏<
เนียมิค่อยๆ ลุกขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด ส่วนมิมิกลับไม่เป็นไร ยืนอยู่ได้ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
มิมิ: ที่หลังตอนร่วงลงมาจากประตูมิติ เธอก็ตั้งท่าตอนลงให้มันตรงๆ สิ! ถ้าหันก้นลงพื้น เธอก็บาดเจ็บน่ะสิ!!
เนียมิ: แต่ฉันกลัวขาหักนี่นา...
มิมิ: ฮ่าๆ ^_^ มันไม่เป็นไรหรอก ตอนที่ออกจากประตูมิติจะมีแรงโน้มถ่วงพิเศษเกิดขึ้น ถ้าตั้งท่ายืนให้ตรงก็ไม่เป็นไรหรอก (ก็คล้ายกับตอนที่ออกจากมิติแปลงร่างนั่นไง)
เนียมิ: อืม! ฉันเข้าใจแล้ว ว่าแต่.. เรามาอยู่ที่ไหนกัน??
แล้วจากนั้นทั้งสองก็เริ่มมองสำรวจสถานที่โดยรอบ พบว่าที่นี่มีลักษณะเป็นเหมือนกับริมทะเลสาบ
เนียมิ: นี่พวกเรา... ออกมาอยู่นอกถ้ำแล้วเหรอ??
มิมิ: ฉันว่าดูแล้วไม่น่าจะใช่นะ เหมือนที่นี่จะเป็นห้องแห่งหนึ่งที่อยู่ในถ้ำ...
เนียมิ: แต่บรรยากาศมันอยู่นอกถ้ำชัดๆ เลยนี่นา แล้วทำไมเธอถึงคิดว่ามันไม่ใช่ล่ะ?
มิมิ: ก็ลองมองดูที่ด้านบนสิ
แล้วเนียมิก็หันขึ้นไปมองฟ้าตามที่บอก พบว่าดวงดาวที่อยู่บนฟ้านั้นมีระดับความสูงที่ต่ำผิดปกติ ดูคล้ายกับเป็นท้องฟ้าจำลอง
เนียมิ: จริงด้วย! มันเหมือน... ท้องฟ้าจำลองไม่มีผิดเลยล่ะ!!
มิมิ: ฉันว่าที่นี่อาจจะเป็นห้องหรือสถานที่ของอะไรสักอย่างก็ได้นะ เพราะฉันก็ยังควบคุมเส้นทางการเทเลพอร์ตของกุญแจไม่ได้เหมือนกัน
แล้วจากนั้นทั้งสองก็เริ่มเดินสำรวจไปตามเส้นทาง ซึ่งตลอดข้างทางมีลักษณะเป็นป่าที่เต็มไปด้วยดอกไม้ชนิดต่างๆ และมีหิ่งห้อยมากมาย
เนียมิ: ที่นี่ดูสวยจังนะ อย่างกับไม่ได้เดินอยู่ในดันเจี้ยนจริงๆ
มิมิ: อืม! โรแมนติกมากเลยล่ะ!
และหลังจากที่เดินมาได้พักใหญ่ ทั้งสองก็มาจนถึงทางตัน ซึ่งตรงหน้าเป็นเหมือนกับลานกว้างที่ล้อมด้วยต้นไม้สูงแต่ไม่กว้างมาก
เนียมิ: ไม่มีทางให้ไปต่อแล้วแฮะ...
"พวกเจ้ากำลังตามหาข้าอยู่เหรอ..."
มิมิ/เนียมิ: ห๊ะ!? (⊙_⊙)?
อยู่ๆ ก็มีเสียงผู้หญิงปริศนาเรียกขึ้นมา แล้วจากนั้นก็มีผีเสื้อสีดำ-แดงจำนวนมากบินมารวมตัวกันตรงลานว่างดังกล่าว แล้วสักพักกลุ่มผีเสื้อที่รวมตัวกันก็กลายเป็นหญิงสาวคนหนึ่ง เธอสวมชุดสีน้ำเงินเป็นชุดคล้ายกับแม่มด มีผมสีแดงอมชมพู และมีดวงตาสีรุ้งที่วาวเป็นประกาย
มิมิ: คุณเป็นใครกันน่ะ? (⊙_⊙;)
"ขอต้อนรับสู่ "ป่านิรันดร์" ข้าเป็นภูตที่คอยปกปักรักษาทะเลสาบและป่าแห่งนี้ ข้ามีนามว่า "มิมิวันเดอร์ อิโลริน (Mimiwonder Ilorin)""
เนียมิ: "มิมิวันเดอร์ อิโลริน" ?? (⊙_⊙;)
มิมิ: แถมชื่อก็เหมือนกับฉันด้วยนะ!
อิโลริน: ฮ่าๆ ^_^ จะเรียกข้าสั้นๆ ว่า "อิโลริน" ก็ได้นะ ไม่ต้องเกรงใจ
มิมิ: งั้นก็.. ยินดีที่ได้รู้จักด้วยนะคะ ท่านอิโลริน ^_^
อิโลริน: ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันจ๊ะ! แล้วพวกเจ้าทั้งสองกำลังมีเรื่องอะไรที่อยากให้ข้าช่วยอยู่หรือเปล่า?
เนียมิ: คือว่า... พวกเรากำลังตามหา "เครื่องรางแห่งอาโกน่า" กันอยู่น่ะคะ ท่านพอจะทราบไหมว่ามันอยู่ที่ไหน?
ทันทีที่อิโลรินได้ยินคำถามของเนียมิ เธอก็ออกอาการตกใจเล็กน้อย
อิโลริน: แล้วพวกเจ้า... ต้องการเครื่องรางไปเพื่ออะไร?
มิมิ: ตอนนี้ชาวเผ่าบันโซกำลังเดือดร้อนอยู่น่ะคะ เพราะเครื่องรางที่ว่าได้หายไปจาก... เออ.. ศาลเจ้าของหมู่บ้าน
จากนั้นอิโลรินก็ยืนคิดอะไรอยู่พักหนึ่ง
อิโลริน: อืม... หัวหน้าเผ่าบันโซสั่งให้พวกเจ้ามาตามหาเครื่องรางนี้ใช่ไหม?
มิมิ: ก็ใช่สิคะ และพวกเขาต้องการคืนด่วนที่สุดด้วย
อิโลริน: ข้านี่แหละคือ จิตวิญญาณของเครื่องรางแห่งอาโกน่า
มิมิ/เนียมิ: อะไรนะ?! ∑(°ロ°)
ทั้งสองตะโกนออกมาแทบจะพร้อมกันด้วยความอึ้ง
อิโลริน: จริงๆ แล้วเครื่องรางมันไม่ได้หายไปเองหรอก แต่เป็นเพราะพวกเผ่าบันโซโลภมากต่างหาก...
มิมิ: หมายความว่ายังไง?
อิโลริน: ก็เพราะพวกมันเอาแต่เพิ่งพลังของสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างข้าน่ะสิ พวกเขาต้องลองหักเพิ่งพาด้วยลำแข้งของตัวเองสักบ้าง...!
เนียมิ: เดี๋ยวก่อนนะ... "ร่างจริง" ของเธอก็คือ... เครื่องรางแห่งอาโกน่า ถูกไหม?
อิโลริน: ไม่ใช่.. ข้าเป็นผู้พิทักษ์ของเครื่องรางนั้นอีกที
เนียมิ: แล้ว...!! เครื่องรางมันอยู่ที่ไหน? อยู่กับเจ้าใช่ไหม?
อิโลริน: ถ้าอยากได้คืนมากขนาดนั้นละก็ ข้าต้องขอเล่าอะไรให้พวกเจ้าเข้าใจสักหน่อยแล้วกันนะ... "เครื่องรางแห่งอาโกน่า" น่ะ แท้จริงแล้วเป็นเครื่องรางศักดิ์สิทธิ์ประจำชนเผ่าบันโซในยุคก่อน ซึ่งในยุคก่อนป่านี้เคยเป็นที่อยู่อาศัยเดิมของชนเผ่าบันโซ แต่พอมาถึงยุคหนึ่งพวกเขาต้องการแสวงหาความมั่งคั่ง พวกเขาจึงตัดสินใจทิ้งป่าแห่งนี้ไป ทำให้ป่านี้กลายสภาพเป็นป่าร้าง... แต่ด้วยพลังของ "เครื่องรางแห่งอาโกน่า" ที่ยังคงประจำอยู่ที่ศาลเจ้าแห่งป่าเก่านี้ ทำให้ป่ายังคงมีสภาพที่อุดมสมบูรณ์เหมือนกับช่วงก่อนที่พวกเขาจะหายออกไป... แต่ทว่า... ในห้วงเวลาหนึ่งของยุคปัจจุบัน พวกเขาได้หาทางกลับมาที่ป่าเก่าแห่งนี้ เพื่อที่จะนำ "เครื่องรางแห่งอาโกน่า" ออกไปประจำ ณ ศาลเจ้าของเมืองใหม่ ทำให้ป่านี้ค่อยๆ เริ่มทรุดโทรมไปตามกาลเวลาเนื่องจากไม่มีพลังของเครื่องรางหล่อเลี้ยงไว้ ซึ่งถ้าหากปล่อยไว้นานกว่านี้อีกล่ะก็... แม้แต่โพรงในถ้ำแห่งนี้ทั้งหมดก็ไม่เหลือแน่
มิมิ: อ๋อ!! เข้าใจแล้ว เครื่องรางนี้ก็คือ สิ่งที่ช่วยหล่อเลี้ยงชาวบันโซสินะ!
อิโลริน: ถูกต้อง!! เธอเข้าใจถูกแล้ว!!
เนียมิ: แต่ว่า.. จะปล่อยให้ที่อยู่ใหม่ถูกเจ้าตัวตุ่นยักษ์ทำลายก็ไม่ได้ด้วยสิ
อิโลริน: "ตัวตุ่นยักษ์" เหรอ?
มิมิ: ค่ะ!! เขาบอกมาว่า มันจ้องคอยจะเข้าทำลายที่อยู่ปัจจุบันให้ได้น่ะคะ! และถ้าหากไม่มีเครื่องรางนั้นละก็ มันต้องบุกเข้ามาได้อย่างแน่นอน!!
จากนั้นอิโลรินก็ยืนคิดอะไรอยู่พักหนึ่ง
อิโลริน: อืม... นั่นก็คือสาเหตุที่พวกเขาต้องการเครื่องรางสินะ?
เนียมิ: ค่ะ... (˘・_・˘)
อิโลริน: แต่ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับตัวตุ่นยักษ์มาก่อนเลยนะ??
มิมิ: เอ๊!? รู้อะไรงั้นเหรอ??
อิโลริน: พวกเผ่าตัวตุ่นในแดนใต้พิภพแถวนี้ที่ข้ารู้จัก ก็มีแต่พวกตัวเล็กๆ เท่าฝ่ามือนี่แหละ ตัวใหญ่ยักษ์ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย...? แล้วตัวตุ่นที่พวกนั้นเจอ เจ้ารู้ไหมว่ามันมีลักษณะเป็นยังไง?
แล้วเนียมิก็เล่าลักษณะของตัวตุ่นยักษ์ที่เจอเมื่อสักครู่ให้ฟัง
อิโลริน: อืม... ถ้าคล้ายๆ กับแบบนั้นข้าพอจะรู้จักนะ เขามีชื่อว่า "ซูเปอร์โมคุ" (SUPERモグー) เป็นตัวตุ่น... ที่กำลังตามล้างแค้นเพื่อคนรักของเขา...
มิมิ: ล้างแค้น??
อิโลริน: เออ.. ข้าก็ไม่ค่อยรู้รายละเอียดของเขาเท่าไหร่หรอกนะ แต่ได้ยินว่าคนรักของเขาที่เป็นตัวตุ่นเหมือนกันถูกพวกกระรอกบันโซทำร้ายเนื่องจากเหตุเข้าใจผิดบางอย่าง
แล้วเนียมิก็ใช้กำปั้นทุบฝ่ามืออีกข้างหลังจากที่นึกอะไรได้
เนียมิ: อย่างนี้นี่เอง! มันก็เลยอยากจะบุกเหมืองแร่ของบันโซให้ได้สินะ..!
อิโลริน: อาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้... แต่ข้าช่วยอะไรไม่ได้หรอกนะ (ปล่อยไปตามมีตามเกิด)
แล้วทั้งสองก็หันมาคุยกันเอง
มิมิ: หรือว่า... นี่อาจจะเป็นฝีมือของ เซ?
เนียมิ: อืม!! น่าจะเป็นไปได้นะ!
มิมิ: แล้วถ้าที่เห็นตอนนั้นเป็น "ซูเปอร์โมคุ" จริงๆ แล้วเพราะอะไรถึงทำให้มันตัวใหญ่ขึ้นมาได้?
แล้วในทันใดนั้น ก็เกิดแรงสั่นสะเทือนขึ้นมา
เนียมิ: อีกแล้ว!?
มิมิ: หรือว่า...? (⊙_⊙;)
ส่วนอิโลรินก็เริ่มสงสัยกับแรงสั่นสะเทือน
จากนั้นก็เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นมาที่จุดหนึ่ง พร้อมกับเกิดแรงสั่นสะเทือนขึ้นมาอย่างรุนแรงครั้งหนึ่งในจังหวะที่ระเบิด
มิมิ: สงสัยจะเป็นฝีมือของตัวตุ่นนั้นแน่ๆ เลยล่ะ!
เนียมิ: พวกเรารีบไปดูกันเถอะ!!
แล้วทั้งหมดก็รีบวิ่งไปยังทิศทางที่ได้ยินเสียงระเบิด
ทั้งสองได้วิ่งมาถึงบริเวณทะเลสาบ ซึ่งตรงทะเลสาบมีสะพานไม้ที่เชื่อมไปยังเกาะเล็กๆ ที่อยู่กลางทะเลสาบ
เนียมิ: ห๊ะ!? (⊙_⊙;)
มิมิ: ไม่จริงน่ะ!? (⊙_⊙;)
สิ่งที่ทั้งสองได้เห็นตรงริมทะเลสาบ ก็คือตัวตุ่นยักษ์ที่ไล่ตามพวกเธอเมื่อครู่นี้
"ฮ่าๆๆ ข้าได้ยินสิ่งที่พวกเจ้าเม้าท์กันหมดแล้วล่ะ ขอแค่ทำลายเครื่องรางที่อยู่ตรงนั้นก็พอใช้ไหม?"
ตัวตุ่นยักษ์หันหน้าไปทางเกาะเล็กกลางทะเลสาบซึ่งมีศาลเจ้าญี่ปุ่นอยู่ และบนหิ้งบูชาในศาลมี "เครื่องรางแห่งอาโกน่า" วางอยู่
เนียมิ: แกเองสินะ "ซูเปอร์โมคุ"
"ฮ่าๆ ใช่แล้วล่ะ ข้าเองนี่แหละ "ซูเปอร์โมคุ" สุดยอดนักขุดในตำนานยังไงล่ะ!!"
เนียมิ: ทำไมแกถึงเคียดแค้นเผ่าบันโซมากขนาดนั้นล่ะ?
ซูเปอร์โมคุ: ก็เพราะพวกมันจับแฟนสาวของข้าไป เพื่อแลกกับสมบัติที่ข้าขุดหามาได้ยังไงล่ะ!
เนียมิ: เอ๊? มันยังไงเหรอ ไม่เห็นเข้าใจเลย...
ซูเปอร์โมคุ: เออ..ไม่เข้าใจเหรอ... ก็แบบว่า มันจับตัวไปเพื่อเรียกค่าไถ่น่ะ และค่าไถ่ที่เรียกก็คือสมบัติหายากที่ข้าขุดมาได้ พอข้ามอบสมบัติหายากที่มันต้องการไป พวกเขาถึงยอมปล่อยตัวแฟนสาวกลับมา...
เนียมิ: อ๋อ.. เข้าใจแล้ว
มิมิ: แต่เอ๋... มันฟ้งดูแปลกๆ อยู่นะ? พวกเขาเรียกค่าไถ่จริงๆ เหรอ?
ซูเปอร์โมคุ: จริงสิ! พวกมันไม่มีเหตุผลอื่นนอกจากต้องการเงินเท่านั้นแหละ!
มิมิ: แต่ฉันว่าพวกเขาอยากได้ตัวแฟนสาวมากกว่าสมบัตินะ... นี่อาจจะเป็นแผนการเพื่อแย่งชิงแฟนสาวจากนายก็ได้ (〃 ̄︶ ̄)
ซูเปอร์โมคุ: ก็บอกว่าไม่ใช่ยังไงเล่า!! `(*>﹏<*)′ ...แต่ถึงยังไงข้าก็ยังรู้สึกแค้นไม่หายอยู่ดี! เพราะฉะนั้นแค้นนี้ก็ต้องชำระทั้งอาณาจักร!
เนียมิ: เอายังไงดี?
เนียมิหันมาทางมิมิ
มิมิ: เออ... แปลงร่างกันเถอะ!
แล้วจากนั้นทั้งคู่ก็ยกแขนข้างที่สวมกำไลแปลงร่างขึ้นมา แล้วตะโกนว่า
มิมิ/เนียมิ: "ป๊อปปินแปลงร่าง!!"
จากนั้นก็เกิดคลื่นแสงสีชมพูออกมาจากกำไล ก่อนที่คลื่นแสงจะเข้ามาครอบร่าง
จากนั้นทั้งคู่ก็เข้าไปอยู่ในมิติพิเศษ แล้วชิ้นส่วนของชุดป๊อปเปอร์สก็ค่อยๆ ปรากฏออกมาตามตัว เริ่มจากรองเท้า ถุงน่อง ถุงมือและถุงแขน ชุด และสุดท้ายหมวกกับผมเกลียวด้านข้างที่เพิ่มมา
หลังจากที่แปลงร่างเสร็จแล้วทั้งคู่ก็ออกจากมิติแปลงร่างด้วยการพุ่งตัวลงมาจากฟ้า เมื่อเท้าแตะพื้นแล้วก็ถึงเวลาเริ่มกล่าวบทแนะนำประจำตัว
ป๊อปเลิฟ: ด้วยรักและมิตรภาพ ป๊อปเลิฟ!
ป๊อปพีช: ด้วยสุขและสันติภาพ ป๊อปพีช!
ป๊อปเลิฟ/พีช: พวกเราคือ... ป๊อปเปอร์ส!!
ป๊อปเลิฟ: เจ้าผู้ที่ทำให้ความเคารพต้องสูญสลาย
ป๊อปพีช: จงหยุดการกระทำที่โลภมากของแกซะ
หลังจบฉากแปลงร่าง ทั้งสองฝ่ายต่างจ้องมองกันและกัน
ซูเปอร์โมคุ: เอ๊... พวกเจ้าคือใครกันน่ะ?? (⊙_⊙)?
เขาถามด้วยความสงสัย เพราะว่า "ทรงผม" ของพวกเธอไม่เหมือนเดิม ทำให้ดูเหมือนเป็นคนละคน
ป๊อปพีช: เออ... แบบว่า...
ป๊อปเลิฟ: มาสู้กันด้วยการเล่นป๊อปปินดีกว่า!! (^_<)☆
ป๊อปเลิฟแทรกหน้าเข้ามาตอบแทนป๊อปพีช
ซูเปอร์โมคุ: ป๊อปปินแบทเทิลเหรอ... ได้สิ! แต่ถ้าหากพวกเจ้าเป็นฝ่ายแพ้ ข้าจะขอทำลายศาลเจ้าที่อยู่ตรงนั้นก็แล้วกันนะ!
แล้วจากนั้นอิโลรินก็วิ่งเข้ามา
อิโลริน: ให้ข้าแข่งแทนเถอะ!!
ป๊อปพีช: ไม่ได้นะมันอันตราย ถ้าหากเธอแพ้ล่ะก็ เธออาจจะไม่รอดก็ได้
อิโลริน: แต่ว่า ข้าเป็นผู้พิทักษ์ชาวบันโซนะ เพราะฉะนั้น ให้ข้าแข่งเองเถอะ!
ป๊อปเลิฟ: พวกเราเอาชนะคู่ต่อสู้มาได้หลายรายแล้ว ไม่ต้องห่วง! (^_<)☆
อิโลริน: เออ.. งั้นก็ตามใจ แล้วก็ขอให้โชคดีนะ...
ซูเปอร์โมคุ: โธ่ๆ มัวแต่เม้าท์กันอยู่นั่นแหละ เสียเวลาจริงๆ งั้นข้าขอเริ่มแข่งกับพวกเจ้าทั้งสองนี่เลยแล้วกันนะ!!
ป๊อปพีช: โอเค!!
แล้วจากนั้นป๊อปเลิฟก็สังเกตเห็นถึงความผิดปกติบางอย่างบนตัวของเขา
ป๊อปเลิฟ: เอ๊...?
ป๊อปพีช: มีอะไรเหรอ?
ป๊อปเลิฟ: ซูเปอร์โมคุ... กำลังถูกพลังบางอย่างครอบงำอยู่
สิ่งที่ป๊อปเลิฟเห็นก็คือคลื่นออร่าสีดำ-ม่วงที่อยู่รอบตัวของเขา และในขณะเดียวกันป๊อปพีชเองก็เพิ่งมาสังเกตเห็นเช่นกัน
ป๊อปพีช: จริงด้วย!! Σ( °_ °)
ป๊อปเลิฟ: พลังนั้นมันดูเหมือนกับ... พีช!! มาใช้ "นั่น" กัน
ป๊อปพีช: อะ.. อืม!!
แล้วทั้งคู่ก็เรียกเกียร์วิเศษออกมาจากเข็มกลัดบนชุด โดยมีลูกพลังออกมาจากเข็มกลัด ก่อนที่ลูกพลังทั้งสองจะเข้ามาหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน แล้วจากนั้นลูกพลังก็แปลงสภาพกลายเป็นเกียร์อีกที
จากนั้นทั้งคู่ก็มายืนอยู่หน้าเกียร์วิเศษด้วยกันเพื่อเตรียมเริ่มเล่นป๊อปปิน
ซูเปอร์โมคุ: สองรุมหนึ่งเหรอ? ต่อให้เล่นแบบนั้นข้าก็สู้ได้นะ!
ป๊อปพีช: ใช่สองรุมหนึ่งซะที่ไหนล่ะ ก็มีเกียร์อยู่แค่ตัวเดียวนี่..? เนอะ!
ป๊อปเลิฟ: อะ.. อืม!! (^_^;)
ซูเปอร์โมคุ: เอาเถอะๆ งั้นก็มาเริ่มแข่งกันเลยดีกว่า!
ป๊อปเลิฟ/พีช: Let's pop'n music together! O(∩_∩)O
แล้วจากนั้นทั้งคู่ก็เริ่มเล่นป๊อปปินด้วยเกียร์ตัวเดียวกัน โดยแบ่งกันกดปุ่มคนละฝั่ง
===== POP'N BATTLE =====
POPPERS vs SUPERモグー
復讐 (Revenge) / ND Lee
===== END BATTLE =====
ผลการแข่งขัน ป๊อปเปอร์สเป็นฝ่ายชนะ
ป๊อปเลิฟ/พีช: (〃 ̄︶ ̄)人( ̄︶ ̄〃)
และทันทีที่การแข่งขันจบลง ก็เกิดแสงสว่างขึ้นมารอบตัวของซูเปอร์โมคุ และจากนั้นก็มีบางสิ่งลอยออกมาจากตัวของเขา
สิ่งที่ลอยออกมานั่นก็คือ "ป๊อปคุงสีดำ"
ป๊อปพีช: ห๊ะ!? (⊙_⊙;)
ป๊อปเลิฟ: "ป๊อปคุงสีดำ" !? (⊙_⊙;)
แล้วจากนั้นป๊อปคุงสีดำก็ได้แตกออกเป็นประกายไฟและหายไปในที่สุด
แล้วร่างของซูเปอร์โมคุก็ค่อยๆ หดเล็กลง และหลังจากที่หดลงมาจนสุดแล้ว แสงสว่างก็หายไป
ป๊อปเลิฟ/พีช: เอ๊?? (⊙_⊙)?
ทั้งสองเข้ามาดู "ร่างจริง" ของเขาซึ่งมีขนาดเล็กอยู่ในระดับเดียวกับเท้าด้วยความสงสัย...
ป๊อปเลิฟ: นี่น่ะเหรอ ร่างจริงของซูเปอร์โมคุ??
ซูเปอร์โมคุ: นี่ข้า... มาทำอะไรอยู่แถวนี้เนี่ย?? (+_+)?
ป๊อปพีช: ดูเหมือนจะโดนเวทมนตร์ของเซครอบงำด้วยจริงๆ นะ
ป๊อปเลิฟ: อืม!! ใช่เลยล่ะ
ซูเปอร์โมคุ: ทำไมข้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะเนี่ย แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับข้าเหรอ??
ป๊อปเลิฟ: คือว่าท่านโดนเวทมนตร์ครอบงำน่ะคะ ท่านก็เลยออกอาละวาดไปทั่วโดยที่ไม่รู้ตัวเลย...
ซูเปอร์โมคุ: วะ.. เวทมนตร์อย่างงั้นเหรอ??
ป๊อปพีช: ใช่แล้วล่ะ!
ซูเปอร์โมคุ: งั้นก็แปลว่า.. พวกเจ้าทั้งสองช่วยข้าเอาไว้ใช่ไหม?
ป๊อปพีช: ถูกต้อง!! (^_<)☆
ซูเปอร์โมคุ: โห้!! ขอบใจหลายๆ เลยนะ (∩_∩) ที่หลังข้าจะพยายามระวังไม่ให้โดนสาปอีก
ป๊อปพีช: สำเนียง คันไซ แฮะ... ( ̄_ ̄|||)
ป๊อปเลิฟ: งั้นฉันขอถามอะไรสักอย่างจะได้ไหม?
ซูเปอร์โมคุ: จะถามอะไรล่ะ?
ป๊อปเลิฟ: ท่านเคยไปมีเรื่องกับเผ่าบันโซมาก่อนหรือเปล่า?
ซูเปอร์โมคุ: เออ... ก็เคยอยู่นะ แต่เป็นแค่เหตุกระทบกระทั่งเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้นเอง ไม่ถึงกับเคียดแค้นอะไรมากนักหรอก พูดอีกนัยหนึ่งก็คือ ตอนนี้ข้าคืนดีกับพวกนั้นไปเรียบร้อยแล้วล่ะ! ^_^
ป๊อปพีช: นึกว่าพวกนั้นจะจับตัวแฟนสาวไปเรียกค่าไถ่จริงๆ ซะอีก ...แต่ก็ดีแล้วละนะ ที่ไม่ถึงขั้นนั้น (∩_∩)
หลังจากที่ซูเปอร์โมคุได้ยินคำว่า "แฟนสาว" เขาก็เกิดนึกอะไรที่สำคัญมากขึ้นมาได้
ซูเปอร์โมคุ: Σ( °_ °)!! ข้าต้องไปก่อนแล้วล่ะ ต้องรีบไปตามหาคนรักของข้า!! ย้ากกกก!!
แล้วเขาก็มุดลงดินไปอย่างรวดเร็ว
ป๊อปพีช: ไปซะแล้วแฮะ.. ( ̄_ ̄|||)
จากนั้นเศษลูกแก้วเวทมนตร์ที่วางอยู่บนหิ้งของศาลบันโซก็ลอยขึ้นมา แล้วพุ่งออกไปทาง "พื้นที่ต้องห้าม" อย่างรวดเร็ว ทำให้ชาวบันโซบางส่วนที่ได้เห็นสงสัย
จากนั้นไม่นานเศษลูกแก้วเวทมนตร์ก็ได้ลอยเข้ามาหาพวกเธอทั้งสองจากหลุมที่อยู่บนเพดานถ้ำซึ่งเกิดจากการเจาะโดยซูเปอร์โมคุร่างยักษ์เมื่อสักครู่
ป๊อปเลิฟ: เศษลูกแก้วเวทมนตร์??
ป๊อปพีช: มันมาหาพวกเราเองงั้นเหรอ?? (⊙_⊙;)
อิโลริน: พวกเธอเป็นผู้กล้าที่ได้ครอบครอง กุญแจเวทมนตร์ สินะ...?
ป๊อปเลิฟ/พีช: ค่ะ!!
อิโลริน: ฉันว่ามันคงจะตอบรับในความกล้าหาญของพวกเธอแน่ๆ เลยล่ะ!! ถึงได้ยอมมาหาพวกเธอเองได้
ป๊อปเลิฟ: แบบนี้ก็ได้ด้วยเหรอเนี่ย...?
ป๊อปพีช: แต่มันก็ดีแล้วนะ ^_^
จากนั้นทั้งสองก็กลับร่างเดิม แล้วมิมิก็นำเศษลูกแก้วเวทมนตร์ชิ้นสุดท้ายมาประกอบรวมกับเศษลูกแก้วชิ้นอื่นที่อยู่บนซิลลี่คีย์ ซึ่งในตอนนี้ได้ประกอบกลับมาเป็นลูกแก้วที่สมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว
มิมิกับเนียมิ ได้รับสแตมป์ดวงที่ 5 เรียบร้อยแล้ว!!
เนียมิ: สำมะเร็จ!! \^o^/
มิมิ: ในที่สุดก็เสร็จสิ้นการผจญภัยอันยาวนานซะทีนะ O(∩_∩)O
อิโลริน: อืม!! ยินดีด้วยนะ!! ^_^
--------------------------------------------------------------------------------
หลังจากที่เสร็จสิ้นภารกิจแล้ว ทั้งสองก็ได้กลับมายังพื้นที่ของเผ่าบันโซอีกครั้ง
และทันทีที่ทั้งสองเดินมาจนถึงบริเวณใกล้กับศาลเจ้า
"แย่แล้วล่ะ!!"
หัวหน้าเผ่าได้รีบวิ่งเข้ามาหาด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลน
เนียมิ: ห๊ะ!? มีอะไรงั้นเหรอ?
"ก็เศษลูกแก้วที่อยู่ในศาลน่ะ.. อยู่ดีๆ ก็ลอยหายไปไหนก็ไม่รู้ของมันเองเฉยเลย!!"
เนียมิ: อ๋อ! ถ้าหมายถึงนั่นละก็... มันลอยมาหาพวกฉันเองแหละ!!
แล้วเนียมิก็นำซิลลี่คีย์ในสภาพลูกแก้วสมบูรณ์ออกมาให้เขาดู
"เอ๊!? มันลอยไปหาพวกเธอเองเหรอ?? (ไม่อยากจะเชื่อเลย)"
มิมิ: ใช่แล้วล่ะ! เป็นเพราะว่าพวกเราปราบสัตว์ประหลาดในตำนานตัวนั้นได้เรียบร้อยแล้วยังไงล่ะ!! (^_<)☆
"เอ๋ จริงเหรอเนี่ย!??"
อิโลริน: จริงแท้แน่นอนเลยล่ะจ๊ะ
อิโลรินปรากฏตัวออกมาตรงหน้าของทั้งสอง ทำให้พวกบันโซรู้สึกตกตะลึง
"อะ...อิโลริน!?"
"ไม่จริงน่ะ!? เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง...?? (⊙_⊙;)"
อิโลริน: ฮ่าๆ ^_^ ฉันพามาส่งพวกเขากลับเองล่ะจ๊ะ! และก็... มีข่าวดีที่ข้าอยากจะบอกด้วย
"เรื่องอะไรงั้นเหรอ??"
อิโลริน: ตั้งแต่บัดนี้ไป ข้าจะมาประทับอยู่ที่ถิ่นฐานใหม่ของพวกเจ้าแห่งนี้นะ!
"เอ๋!? (⊙_⊙;)"
ชาวบันโซเกือบทุกคนตะโกนออกมาด้วยความตะลึง
"บ้าไปแล้ว!! ถ้าทำแบบนั้น ทั้งเธอเองและพวกเราก็ต้องสูญสิ้นไปน่ะสิ??"
ชาวบันโซคนนั้นพูดขึ้นมา
อิโลริน: ไม่ต้องห่วงเหรอนะ เครื่องรางแห่งอาโกน่าจะถูกย้ายมาประจำอยู่ที่นี่ด้วย ซึ่งหมายความว่าทุกๆ อย่างจะยังคงอยู่เหมือนเดิม... และที่สำคัญ จะทำให้ถิ่นฐานใหม่แห่งนี้มีความอุดมสมบูรณ์มากกว่าเดิมอีกด้วย
จากนั้นเธอก็นำเครื่องรางแห่งอาโกน่าออกมา แล้วเดินไปยังแท่นบูชาที่อยู่ในศาลเจ้า แล้วจากนั้นก็นำไปวางไว้บนนั้น
และทันทีที่เครื่องรางถูกวาง ก็เกิดพลังบางอย่างขึ้นมา พลังนี้ได้ทำให้พื้นที่ต่างๆ ภายในเขตของบันโซที่แต่เดิมมีแต่ดินและหินนั้น เต็มไปด้วยธรรมชาติมากมาย จนดูแทบไม่ต่างกับป่าที่อิโลรินอาศัยอยู่เลย ทำให้ทุกคนมองโดยรอบด้วยความสนใจ
อิโลริน: แล้วก็... ขอบคุณพวกเธอทั้งสองคนนั้นด้วยนะ!
อิโลรินหันมาทาง มิมิ เนียมิ ส่วนเนียมิก็พลางเกาหัวด้วยสีหน้าเขินอาย
อิโลริน: เอาล่ะ... ถึงเวลาที่ข้าต้องไปแล้ว
"จะไปไหนเหรอขอรับ?"
อิโลริน: ไปสู่สุขคติ ยังไงล่ะ!!
"เอ๋!? (⊙_⊙;)"
เกือบทุกคนรวม มิมิ เนียมิ ตะโกนออกมาด้วยความตะลึง
เนียมิ: มันหมายความว่ายังไง?
อิโลริน: ที่จริงแล้ว... เรื่องที่ข้าเป็นผู้พิทักษ์ของเผ่าบันโซนั้น เป็นเรื่องที่ข้าสร้างขึ้นมาเองแหละ... ความจริงแล้วข้าเป็นดวงวิญญาณที่ติดอยู่ในป่าที่เป็นถิ่นฐานเก่าของพวกเจ้า แต่ด้วยความช่วยเหลือของเด็กทั้งสองคนนี้ ทำให้ข้าสามารถไปสู่สุขคติได้สักทียังไงล่ะ!!
"อย่างนั้นเองเหรอ... (˘・_・˘)"
"ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า พระผู้เป็นเจ้าที่พวกเรานับถือมาตลอด.. ก็คือวิญญาณที่กำลังรอไปเกิดใหม่?"
อิโลริน: ฮ่าๆ ^_^ อย่าทำหน้าเคร่งเครียดกันแบบนั้นสิ ...เอาล่ะ พวกเธอทั้งสอง
มิมิ/เนียมิ: ค่ะ!? (⊙_⊙;)
อิโลริน: ช่วยเล่นป๊อปปินให้ฉันเป็นการส่งท้ายหน่อยจะได้ไหม? ฉันอยากจะฟังเพลงจากผู้กล้าทั้งสองคนนี้ก่อนไปน่ะ
มิมิ: ดะ... ได้สิคะ ด้วยความยินดี...และอาลัยด้วยนะ
จากนั้นทั้งสองก็นำเกียร์ของตนออกมาเพื่อเริ่มเล่นป๊อปปิน
===== POP'N MUSIC =====
幽霊 (Ghost) / STi
*โดยในระหว่างที่กำลังเล่นนั้น ทั้งสองก็เหมือนได้เห็นภาพในอดีตของเธอด้วย ซึ่งหนึ่งในสิ่งที่เห็นก็คือ น้องชายของเธอที่กำลังวิ่งตามหาเธอในป่า ซึ่งเธอได้กลายเป็นผู้พิทักษ์เผ่าบันโซหรือวิญญาณไปแล้ว*
===== END MUSIC =====
หลังจากที่เพลงจบลง อิโลรินก็ได้จากไปด้วยการแตกตัวออกเป็นผีเสื้อจำนวนมาก แล้วผีเสื้อทั้งหมดก็บินขึ้นหายไปอย่างอลังการ มิมิ เนียมิ มองดูด้วยความประทับใจ
--------------------------------------------------------------------------------
เวลาต่อมา ทั้งสองก็ได้ออกมาจากดันเจี้ยนเพื่อเตรียมกลับเมืองหลวง
มิมิ: ถึงเหตุการณ์จะงงๆ ไปบ้าง แต่ก็สนุกมากเลยนะ...!
เนียมิ: อืม!! เป็นการผจญภัยครั้งสุดท้ายที่วิเศษมากเลยล่ะ! ^_^ ว่าแต่...
มิมิ: มีอะไรเหรอ?
เนียมิ: พวกเราต้องเดินทางไกลเพื่อกลับไปเมืองหลวงเหรอเนี่ย!? (≧﹏ ≦)
มิมิ: ฉันว่าลองใช่นี่ดูอีกทีนะ คราวนี้ฉันคิดว่าน่าจะเวิร์กแล้วล่ะ!
มิมินำซิลลี่คีย์ออกมา
เนียมิ: จะเปิดประตูมิติเหรอ?
มิมิ: อืม!! ฉันจะลองเปิดไปยังปราสาทของไดโนให้ได้ดู!
แล้วมิมิก็ทำการปักซิลลี่คีย์ลงพื้นเพื่อเปิดประตูมิติ
มิมิ: เอาล่ะ พร้อมแล้วนะ!
เนียมิ: อืม!!
จากนั้นทั้งสองก็จับมือกันคนละข้าง ก่อนที่จะกระโดดลงไปยังหลุมมิติพร้อมกัน
>>>>> TO BE CONTINUED <<<<<