27 ธันวาคม 2565

ช่วง Free Talk by Admin ส่งท้ายปี 2022

สวัสดีครับ แอดมินเอครับผม ' w')/

ก่อนอื่นต้องขออภัยกับผู้ที่กำลังรออ่านนิยายตอนใหม่ด้วยนะครับ เนื่องจากเดือนนี้แอดมินกำลังวุ่นหนักกับเรื่องส่วนตัว จึงทำให้ไม่มีเวลามาเขียนเลย แต่ก็มีข่าวดีคือในวันนี้แอดมินได้วางโครงเรื่องของตอนต่อไปเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ แต่กว่าจะเริ่มลงมือเขียนได้คงต้องรออีกทีต้นปีหน้าเลย แต่แอดมินจะพยายามเขียนให้ถึงตอนที่ 50 ก่อนครบรอบ 2 ปีในเดือนเมษายนตามที่เคยสัญญาไว้อย่างแน่นอนครับ!

มาลองทายชื่อตัวละครในตอนต่อไปกันดูเล่นๆ ในสไตล์อีเวนท์หลักของภาค Kaimei Riddles

คำถาม:
ตัวละครตัวใดที่เป็นเจ้าของเพลง Cosmic Elevator / Forte Escape

คำใบ้ 1:
ตัวละครในตอนที่ 43 คือหนึ่งในรูปนี้


คำใบ้ 2: เป็นชื่อเดียวกับหนึ่งในตัวละครของเกม Mega Man Zero

คำใบ้ 3:
เป็นผู้สร้าง "เมล็ดเบ่งบาน" (ที่มิมิกับเนียมิใช้ในอนิเมชั่น Sunny Park ของพวกเธอ)

--------------------------------------------------------------------------------

ก็ห่างหายกันไปหลายปีเลยนะครับกับบทความส่งทายปี และปีนี้เรียกได้ว่าเป็นปีทองของ Pop'n Music จริงๆ ครับ เพราะนอกจากในปีนี้ร้านตู้เกม Arcade จะได้กลับมาเปิดบริการตามปกติหลังจากที่โควิดลดความรุนแรงของโรคลงจนกลายเป็นโรคประจำถิ่นแล้ว (แต่ยังคงมาตรการเข้มเหมือนเดิม) ปีนี้ก็ยังถือได้ว่าเป็นปีที่้เกมเมอร์สาย Rhythm Game ชาวไทยเริ่มให้ความสนใจกับเกม Pop'n Music กันมากขึ้น ทำไมน่ะเหรอ?? ก็เพราะนอกจากจะมีเกมภาคใหม่ล่าสุดอย่าง Pop'n Music UniLab ปล่อยออกมาเมื่อช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมาแล้วนั้น (ตู้ที่ MBK ได้อัปเดตพร้อมญี่ปุ่นด้วย) ก็ยังมีปรากฏการณ์ต่างๆ มากมายเกิดขึ้น ซะจนเกมเมอร์สาย Rhythm Game พากันเริ่มให้ความสนใจ ส่วนจะมีเรื่องอะไรบ้างนั้น เชิญอ่านกันได้เลยขอรับ (∩_∩)

นิยาย PMR ปลุกกระแสเกม Pop'n Music ในไทย!

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแล้วว่านิยายที่ผมตั้งใจ "เขียนขึ้นมาเล่นๆ" อย่าง Pop'n Music Respect จะกลายเป็นนิยายแฟนฟิคที่ได้สร้างกระแสความปัง และถูกพูดถึงในกลุ่ม Community เกม Arcade ตลอดทั้งปี ซึ่งการมาของนิยายเรื่องนี้นั้นก็ได้ส่งผลทำให้ฉบับเกม Arcade ที่แต่เดิมไม่ค่อยมีใครพูดถึง ต่างก็มีแต่คนถามหากันทั่ว โดยเฉพาะในเพจ FB หลักของ Echo Games หลังจากที่ทางร้านนำตู้ Beatmania IIDX เข้ามาเปิดให้บริการที่สาขา MBK เมื่อไม่กี่เดือนก่อน ก็มีเกมเมอร์เรียกร้องให้ทางร้านนำเอาตู้ Pop'n Music มาเปิดด้วยเช่นกัน (ปัจจุบันตู้ PNM มีเพียงที่ร้าน Hero City ที่เดียว)

และจุดสำเร็จของเรื่องนี้นั้น มาจากการที่เนื้อเรื่องได้เขียนออกมาเป็นลักษณะเรื่องยาวต่อเนื่องกันเป็นตอนๆ ไม่ได้เป็นลักษณะ "จบในตอน" แบบแฟนฟิคหรือโดจิน Pop'n Music ทั่วๆ ไป ประกอบกับการเล่าเรื่องที่เข้าถึงได้ง่ายและดำเนินเรื่องได้รวดเร็วทันใจไม่ยืดเยื้อแบบการ์ตูนเรื่องยาวบางเรื่อง นอกจากนี้ผู้เขียนได้กำหนดให้ดีไซน์ทรงผมของตัวเอกอย่าง มิมิ กับ เนียมิ ใช้ดีไซน์แบบเก่าที่ใช้ตั้งแต่เกมภาคแรกจนถึง Pop'n Music Sunny Park คือ มีผมเฉพาะบริเวณหน้าผากอย่างเดียว ไม่มีผมที่ด้านข้าง แต่ในขณะที่แปลงร่างเป็น "นักรบในตำนาน Poppers" นั้น จะมีผมครอบด้านข้างเหมือนกับดีไซน์แบบใหม่หลัง Pop'n Music Lapistoria และด้วยความที่ในเรื่องนี้ทั้งสองสามารถแปลงร่างเป็นสาวน้อยเวทมนตร์ได้นี่เอง จึงทำให้กลายเป็น "เสน่ห์" ของ Pop'n Music ในภาคนี้ไปโดยปริยายเลย (บ้างแซวเป็น "Pop'n Pretty Cure" ฮ่าๆๆ ^_^)

ที่น่าสนใจกว่านั้นคือ แอดมินยังได้ยินอีกว่ามีชาวต่างประเทศที่เป็นแฟนเกม Pop'n Music ให้ความสนใจนิยายเรื่องนี้อีกด้วยครับ โดยเข้ามาอ่านด้วยเว็บไซต์แปลภาษาเช่น Google Translate นั่นเอง และนั่นก็ยังส่งผลให้เรื่องนี้กลายเป็นนิยายแฟนฟิคจำนวนน้อยเรื่องของไทยที่โด่งดังในต่างประเทศอีกด้วย!!

Friday Night Funkin' x Pop'n Music Demo Mod สร้างกระแสความปังตลอดปี 2022

อีกหนึ่งเรื่องที่ถือว่ามาแรงเคียงคู่กับนิยาย PMR นั้น ก็คงจะหนีไม่พ้นม็อดของ Rhythm Game สุดฮิตอย่าง Friday Night Funkin' ที่มีชื่อว่า "Friday Night Funkin' x Pop'n Music Demo Mod" (หรือเรียกสั้นๆ ว่า FNFxPNM) อย่างแน่นอน ซึ่งม็อดตัวนี้กลายเป็นม็อดที่มีกระแสตอบรับดีที่สุดตลอดทั้งปีอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งๆ ที่มองผิวเผินแล้วม็อดนี้ดูยังไงๆ ก็เป็นม็อดแฟนครอสโอเวอร์ธรรมดาๆ ที่ดูไม่น่าสนใจนัก ทว่าจากการที่งานโปรดักฯ ของม็อดนี้ ได้สร้างสรรค์คุณภาพงานออกมาได้เนี้ยบไม่แพ้งาน Official ของทาง Konami จึงทำให้ม็อดตัวนี้ได้รับความสนใจจากแฟนๆ PNM มากมาย จึงไม่แปลกใจที่ม็อดนี้ได้สร้างประวัติศาสตร์ เป็นม็อดที่มียอดดาวน์โหลดทะลุ 10,000 ครั้ง (ยอดรวมตั้งแต่เวอร์ชั่นแรก) และยังขึ้นแท่นเป็นม็อด FNF ที่ได้รับความนิยมในอันดับต้นๆ เป็นเวลาหลายสัปดาห์ติดต่อกันในเว็บ GameBanana อีกด้วย!!

จากความปังของม็อดนี้ ยังส่งผลดีต่อเกม Arcade ต้นฉบับ ที่ทำให้กลายเป็นหนึ่งใน Rhythm Game ที่ถูกพูดถึงกันมากที่สุดตลอดปี 2022 เช่นกัน

--------------------------------------------------------------------------------

และเรื่องสุดท้ายนี้ มีบางท่านสงสัยว่าแอดมินเลิกสนใจเกมยานยิงไปแล้วหรือเปล่า? เพราะในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมานี้ ไม่เห็นแอดมินพูดถึงหรือโพสต์เกี่ยวกับเกมแนวนี้ลงบล็อกอีกเลย ขอบอกว่าแอดมินยังคงสนใจเล่นอยู่เหมือนเดิมนะครับ เพียงแต่ด้วยเรื่องส่วนตัวดังที่กล่าวไปในตอนต้น ทำให้ไม่มีเวลามาเขียนข่าวหรือบทความเกี่ยวกับเรื่องเกมยานยิงอีกเลย ซึ่งก็คงต้องขออภัยด้วยนะครับที่หลังจากนี้จะไม่มีบทความเกี่ยวกับเกมแนวนี้อีกแล้ว นอกจากข่าวของเกมซีรี่ส์ Cotton เกมเดียวเท่านั้นที่ยังคงมีอยู่เหมือนเดิม เพื่อไม่ให้เสียคอนเซ็บดั้งเดิมของบล็อกไป (ซึงบางท่านแซวว่ากลายเป็นบล็อก Pop'n Music Wikipedia Thai ไปแล้ว ฮ่าๆๆ ^_^)

สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามบล็อกของเรามาโดยตลอดนะครับ และวงการตู้เกม Arcade ของไทยในปีหน้าจะก้าวไปในทิศทางไหนนั้น ก็ต้องติดตามกันต่อไปครับ

มีหลายท่านบอกอยากเล่นกับแอดมินที่ MBK จงไปเล่นระดับ 40+ ให้ได้ก่อนนะ!


3 ธันวาคม 2565

วิธีการลงทะเบียนบัตร e-Amusement Pass สำหรับเกม Pop'n Music

สวัสดีครับ แอดมินเอครับผม ' w')/

เนื่องจากมีหลายท่านถามกันเข้ามาในกลุ่ม LINE เยอะเลยว่า ทำยังไงถึงจะสร้างไอดี(ลงทะเบียนบัตร)ของเกม Pop'n Music ได้ เนื่องจากมีปัญหาตรงที่คำอธิบายในขั้นตอนของการลงทะเบียน มันเป็นภาษาญี่ปุ่นแทบทั้งหมด! ในขณะที่เกมอื่นๆ นั้น (SDVX, IIDX, DDR, ฯลฯ) รองรับภาษาอังกฤษกันหมดแล้ว (มีแค่ Pop'n เกมเดียวนี่แหละที่ทางโคนามิยังไม่อัปเดตให้รองรับภาษาอังกฤษแบบเกมอื่นซะที)

เอาล่ะ มาดูกันว่าเกมนี้เขาลงทะเบียนบัตรผู้เล่นกันยังไงนะ

เมื่อมาถึงหน้าตู้เกมแล้ว ให้แตะบัตร e-Amusement Pass ของท่าน (หรือบัตรของค่ายอื่นที่รองรับ Amusement IC) ที่จุดอ่านบัตรที่อยู่ตรงใต้จอข้างๆ แป้นตัวเลขได้เลยครับ (ไม่จำเป็นต้องหยอดเหรียญก่อน เพราะหลังจากที่เสร็จสิ้นขั้นตอนการลงทะเบียน(หรือใส่ PIN ในกรณีที่เคยลงทะเบียน)แล้ว เกมจะขอให้เราหยอดเหรียญอีกที)


จากนั้นเกมจะขึ้นรายละเอียดข้อตกลงการใช้บริการสมาชิก ให้เลือก Yes (กดปุ่มฟ้าซ้าย แล้วกดสีแดง) ครับ


จากนั้นทำการตั้งรหัสผ่านที่ต้องการ 4 หลัก ด้วยแป้นตัวเลข (เพื่อความซับซ้อน จะใส่ 00 เข้าไปด้วยก็ได้นะ) แล้วจากนั้นทำการใส่รหัสเดิมอีกครั้งเพื่อยืนยันความถูกต้อง


หน้านี้กดสีแดงได้เลย


คราวนี้ก็มาถึงขั้นตอนสำคัญแล้วนั่นคือการตั้งชื่อผู้เล่น ซึ่งการใส่ตัวอักษรจะใช้วิธีการป้อนแบบมือถือปุ่มกดในยุคก่อน คือ กดปุ่มตัวเลขนั้นๆ ซ้ำกันเพื่อเลือกตัวอักษรที่ต้องการ

แต่หากใครที่เกิดไม่ทันยุคมือถือปุ่มกด หรือพิมพ์ไม่เป็น สมมุติว่าหากต้องการพิมพ์ตัว C ให้มองหาดูว่าตัว C อยู่ในตำแหน่งของปุ่มเลขไหน เมื่อเจอแล้วก็ให้กดเลขนั้นไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้ตัว C ครับ (บางท่านมาตกม้าตายเพราะพิมพ์ไม่เป็นนี้แหละ)

และหากต้องการพิมพ์ตัวอักษรหลักถัดไปที่อยู่ในปุ่มเลขเดียวกัน ให้กดปุ่ม ฟ้าขวา ก่อนนะครับ แล้วค่อยกดเลขเดิมซ้ำ

ส่วนการลบตัวอักษรก่อนหน้า ให้เลื่อนเคอร์เซอร์ไปยังตัวที่ต้องการลบ แล้วพิมพ์ตัวอักษรใหม่ทับไปได้เลยครับ

ส่วนปุ่มสีต่างๆ มีคำสั่งดังนี้
สีฟ้า = เลื่อนเคอร์เซอร์ตัวพิมพ์ ซ้าย-ขวา
สีเหลือง ขวา = เปลี่ยนรูปแบบตัวอักษรระหว่างญี่ปุ่น อังกฤษ และตัวเลข
สีแดง = ยืนยันการตั้งชื่อ


หลังจากที่กดปุ่มแดงแล้ว ตัวเกมจะให้เรายืนยันการตั้งชื่ออีกครั้ง เพราะหลังจากที่ตอบยืนยันไป จะไม่สามารถแก้ไขชื่อในภายหลังได้อีกแล้วนะครับ หากเห็นว่าทุกอย่างถูกต้องแล้ว ก็ให้เลือก Yes เพื่อยืนยัน (หากเลือก No เกมจะกลับออกมายังหน้า Attract (หน้าแรกที่ขึ้นว่า Warning: This game is for sale and use in...) แล้วให้เราทำการแตะบัตรเพื่อเรื่มขั้นตอนแรกของการลงทะเบียนใหม่อีกครั้ง)


เสร็จเรียบร้อยแล้วครับ ได้เวลามาลุยอีเวนท์กันแล้ว ^_^

ส่วนการล็อคอินเข้าเกมหลังจากลงทะเบียน ก็เหมือนกับเกมอื่นๆ ของค่ายนี้ คือ หยอดเหรียญให้ครบ แตะบัตร แล้วใส่ PIN ครับผม (หรือจะแตะบัตรก่อน แล้วมาหยอดเหรียญในหน้าเลือกโหมดทีหลังก็ได้เช่นกัน)

ส่วนใครที่สงสัยว่าการเล่นแบบใช้บัตรมันต่างจากการเล่นแบบปกติตรงไหน บอกได้เลยว่าแตกต่างจากคนที่เล่นแบบปกติโดยไม่ใช้บัตรแน่นอนครับ ซึ่งหากเล่นแบบใช้บัตรจะได้สิทธิพิเศษดังนี้

- สามารถบันทึกคะแนน เหรียญตรา และเกรดที่เราทำไว้ได้ในแต่ละเพลง/ชาร์ต
- สามารถเล่นอีเวนท์เพื่อปลดล็อคเพลงใหม่ๆ ที่อัปเดตเข้ามาเรื่อยๆ ได้ (อันนี้สำคัญมาก เพราะเพลงในเกมนี้หลายเพลงจะสงวนไว้เฉพาะผู้ที่เล่นโดยใช้บัตรเท่านั้น)
- หากเลือกตัวละครตัวไหนไว้ รวมถึงปรับการตั้งค่าต่างๆ เมื่อกลับมาเล่นในรอบต่อไป เกมจะจำค่าต่างๆ ไว้ให้เหมือนเดิม ไม่ต้องมาเลือก/ตั้งค่าใหม่อีกครั้ง
- เกมจะไม่ถามเข้าโหมด Tutorial หลังจากที่ผ่านการเล่นด้วยบัตรครั้งแรกแล้ว รวมถึงหากเลือกเพลงที่มี Long Note ก็ไม่ถูกบังคับให้เล่น Tutorial สอนการกด Long Note อีกด้วย (ซึ่งมันเสียเวลาและน่ารำคาญมาก หากได้เล่นซ้ำหลายๆ รอบ)
- มีการเก็บแต้มวัดระดับฝีมือการเล่นของเรา โดย 0.00 จะเป็นค่าเริ่มต้น และ 100.00 เป็นค่าสูงสุด ยิ่งเล่นชาร์ตระดับสูงได้คะแนนดีเท่าไหร่ ค่าฝีมือก็จะเพิ่มสูงตามเท่านั้น
- สามารถเล่นโหมดแข่งขันออนไลน์ "NET Taisen" ได้ (อันนี้มีเฉพาะตู้ที่ญี่ปุ่นเท่านั้นนะครับ ตู้ไทยและโซนอื่นๆ ไม่มีให้เล่น)

ขอให้ทุกท่านสนุกกับป๊อปปิน (^_<)☆

และจงอย่าลืมว่า...
"YOU NEED MORE PRACTICE, NEVER GIVE IT UP!"

12 พฤศจิกายน 2565

บันทึกการเดินทางจาก ฟุกุโอะกะ สู่ กรุงเทพ ด้วยเครื่อง Cessna C550 Citation II (FlightGear)

สวัสดีครับ แอดมินเอครับผม ' w')/

ถ้าใครที่เคยติดตามแอดมินมาตั้งแต่สมัยเว็บบอร์ด Thai Mirumo Fans เวอร์ชั่นแรก (ที่เป็นโฮสต์ของ BBZNET/PukPik ก่อนที่จะย้ายไปยัง Thai Forum/Forumotion) คงจะจำกันได้นะครับกับกระทู้รวมภาพการเดินทางด้วยเครื่องบินผ่านโปรแกรมจำลองการบิน FS2004 ซึ่งในตอนนั้นแอดมินเคยโพสต์เอาไว้ 2 ไฟล์ทด้วยกันคือ สุวรรณภูมิ->หาดใหญ่ ด้วยเครื่อง Airbus A330 และ สุวรรณภูมิ->น่าน ด้วยเครื่อง Cessna 208B Grand Caravan ซึ่งสาเหตุที่โพสต์ก็ไม่มีอะไรมากครับ แค่อยากจะโชว์ให้เห็นว่าอยู่บ้านก็เดินทางได้เหมือนกันนะ ^_^

และผ่านมา 10 ปี ณ ปัจจุบัน ไม่รู้นึกยังไงถึงเกิดอยากกลับมาเล่น Flight Simulator อีกครั้ง แต่พอได้เห็นราคาของ FS ภาคใหม่ล่าสุด 2020 แล้ว แอดมินถึงกับยอมแพ้เพราะราคาตั้ง สองพันกว่าบาท!! >﹏< นี่คือยังไม่รวมพวก DLC กับ Add-on แบบเสียเงินอีกนะ (ถ้าเป็นเครื่องบินที่เสียเงินซื้อจะมีระบบนำร่องและรายละเอียดดีกว่าเครื่องฟรี) ถ้ารวมราคาพวกนี้ด้วยก็เกือบๆ 4 พันกว่าบาทเลยจ้า แอดมินจึงไปหาโปรแกรมทางเลือกอย่าง FlightGear แทน เพราะโปรแกรมนี้ทำได้เหมือนกับ MSFS แทบทุกอย่าง แถมยัง "ฟรี" หมดทุกอย่างจริงๆ ทั้งตัวโปรแกรมหลัก เครื่องบินและ Add-on ที่สำคัญเครื่องบินบางรุ่นอย่าง A320 หรือ Citation II มีระบบนำร่องที่ใช้งานได้จริงและเก็บรายละเอียดได้ครบถ้วนสมบูรณ์แบบไม่แพ้เครื่องเสียเงินของ MSFS เลยครับ!

และแน่นอนว่าคราวนี้ก็เป็นบันทึกการเดินทางด้วยโปรแกรม FlightGear แล้วครับ!

ย้อนความกันสักเล็กน้อย: ความจริงผมเคยเล่น FlightGear มาตั้งแต่เวอร์ชั่น 1.0.0 เมื่อปี 2008 แล้วล่ะครับ แต่พอหลังจากที่หา Microsoft Flight Simulator มาเล่นได้ราวๆ 1 ปีให้หลัง ก็เปลี่ยนมาเล่น MSFS เป็นการถาวรแทน เพราะ FlightGear ในตอนนั้นยังสู้ FSX ไม่ได้เลยจริงๆ สู้ไม่ได้แม้กระทั่ง FS2004 ที่เป็นเวอร์ชั่นเก่ากว่า แต่ตอนนี้ FlightGear พัฒนาไปไกลแล้วครับ แม้อาจจะยังไม่เท่า FS2020 แต่ก็ถือว่าดูดีกว่าในยุคแรกพอสมควร

สำหรับเที่ยวบินในครั้งนี้จะเป็นการเดินทางจาก ฟุกุโอะกะ สู่ กรุงเทพ-ดอนเมือง ด้วยเครื่อง Cessna 550 "Citation II" เครื่องเจ็ตขนาดเล็กที่แสนจะขับง่ายครับ ผมว่ามันขับง่ายจริงๆ นะ หากใครที่ขับ Cessna 172 หรือ 182 เป็นอยู่แล้วจะทำความคุ้นเคยกับเครื่องรุ่นนี้ได้ไม่ยากเลยล่ะ เพราะแผงควบคุมและระบบต่างๆ คล้ายกันแทบทุกอย่าง (ก็มันเป็นของค่าย Cessna เหมือนกันนี่เนอะ ^_^)

เอาล่ะ ก่อนอื่นก็ต้องทำการตรวจเช็คสภาพรอบตัวเครื่องกันก่อน อันเป็นขั้นตอนแรกของ Checklist ในเครื่องบินแทบทุกลำ




หลังจากที่เช็คความพร้อมเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาขึ้นเครื่องกันแล้วครับ ห้องโดยสารหรูหราใช้ได้เลยนะ



ห้องนักบินของ Citation II


และหลังจากที่ติดเครื่องเรียบร้อยแล้ว ก็เรียกใช้บริการรถดันเครื่องออกจากหลุมจอด


หลังจากนั้นก็ได้เวลาวิ่งไปตามทางแท็กซี่เวย์ที่เป็นเส้นสีเหลืองเพื่อไปยังรันเวย์ครับ


เตรียมรอสัญญาณนำเครื่องขึ้นจาก ATC (หอควบคุมการบิน)


และหลังจากที่นำเครื่องขึ้นแล้ว ก็บินในระดับความสูงประมาณ 1,000 ft ต่อไปอีกเล็กน้อยเพื่อทำความเร็วให้ถึง 220 น็อต ก่อนที่จะเริ่มเปิดระบบ Autopilot (AP) เพื่อเริ่มการบินไปตามเส้นทางบิน และไต่ระดับการบินขึ้นไปยัง 42,000 ft ครับ


ที่ความสูง 10,000 ft


และนี่คือความสูง 42,000 ft อันเป็นระดับเพดานบินในครั้งนี้ครับ


และหลังจากที่บินมาได้ประมาณ 3 ชั่วโมง ในที่สุดก็มาถึงจุดลดระดับหรือ Top of Descent (TOD) แล้วครับ ได้เวลาลดระดับแล้ว


นี่คือกรุงเทพในมุมสูงครับ! ช่วงที่บินมาทาง ATC สั่งให้ลงจอดด้วยรันเวย์ตามทิศเหนือ ก็เลยได้มีโอกาสเก็บภาพเหล่านี้มาฝากกัน!!



และพอบินจนเข้าใกล้กับสนามบินแล้ว เครื่องก็ค่อยๆ ร่อนลงไปตามคลื่น Glideslope ของระบบ ILS ครับ


แต่พอใกล้ถึงพื้นแล้ว อันนี้ต้องควบคุมเองนะครับ เพราะเครื่องนี้ไม่มีระบบ Autoland โดยระบบ AP จะตัดการทำงานเองที่ความสูงต่ำกว่า 500 ft


ถึงดอนเมืองแล้วคร๊าบ!!


และก่อนจากกัน ขอเก็บภาพน้อง Citation II ณ สนามบินดอนเมืองซะนิดหนึ่งนะ อิอิ (*^_^*)


จบเรียบร้อยแล้วครับ ถ้าใครสนใจอยากจะลองบินดูมั้ง ก็เชิญลองโหลดมาเล่นได้ที่ https://www.flightgear.org/ นะครับ ย้ำว่าฟรี!

14 กันยายน 2565

ว่าด้วยเรื่องของการ์ด Pop'n Music มันคืออะไรกันนะ?

สวัสดีครับ แอดมินเอครับผม ' w')/

สำหรับใครที่เคยแวะไปดูตามเว็บ หรือลองหาดูรูปผ่าน Google อาจจะเคยเห็นการ์ดที่มีรูปตัวละครของเกม Pop'n Music ผ่านตากันมาบ้าง ซึ่งในตอนแรกที่ผมได้เห็น ผมก็คิดว่าเป็นสินค้าสะสมที่ทำออกมาขายเหมือนกับสินค้าอื่นๆ ที่เกมนี้ชอบทำออกมาขายเอาใจแฟนๆ (มีหลายอย่างตั้งแต่ ตุ๊กตา ยัน น้ำผึ้ง ...มีน้ำผึ้งที่คอลแลปกับ Pop'n Music 8 ด้วยจริงๆ นะ) แต่พอได้ลองคึกษาหาข้อมูลไปเรื่อยๆ ก็พบว่า การ์ดพวกนี้ได้มาจากตู้เกม Pop'n Music ครับ!! (⊙_⊙;)


การ์ดนั้นปรากฏครั้งแรกใน Pop'n Music 19 TUNE STREET โดยเป็นส่วนหนึ่งของระบบใหม่ที่เพิ่มเข้ามาในภาคนี้ เพียงแต่ต่างกับพวกตู้เกมการ์ดตรงที่การ์ดของเกมนี้จะมีไว้เพื่อสะสมเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ไม่สามารถนำมาสแกนเพื่อใช้เล่นในเกมได้แต่อย่างใด

แต่ในช่วงก่อน Pop'n Music Lapistoria นั้นจะมีการ์ดพิเศษที่สามารถนำมาใช้ปลดล็อดสกิน 3P ของตัวละครภายในเกมได้ด้วย โดยการ์ดพวกนี้จะเป็น RARE CARD ซึ่งบนหน้าการ์ดจะมีรอยเรืองแสง และที่ด้านหลังก็จะมี QR Code ที่สามารถนำไปสแกนเพื่อดูโค้ดปลดล็อดสกิน 3P ได้นั่นเองครับ

ส่วนการ์ดนั้นจะแบ่งได้ออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ...

การ์ดตัวละคร

เป็นการ์ดรูปตัวละครภายในเกมต่างๆ และที่ด้านหลังของการ์ดจะมีประวัติและข้อมูลของตัวละครนั้นๆ โดยการ์ดประเภทนี้จะแตกประเภทย่อออกไปได้อีก 2 แบบคือ

- Animation Card การ์ดที่ใช้รูปมาจากท่าอนิเมชั่นของตัวละครภายในเกม
- Change Card เป็นการ์ดที่ตัวละครจะสวมชุดพิเศษที่ไม่ปรากฏให้เห็นในเกม


ตัวอย่างเช็ตการ์ดตัวละคร (ภาพจาก: https://twitter.com/popnmusiccard)

การ์ดงานภาพ

เป็นการ์ดที่แสดงภาพของตัวละครในอริยาบทต่างๆ ส่วนมากมักจะเป็นภาพตัวละครกลุ่ม ซึ่งที่ด้านหลังของการ์ดจะมีคำอธิบายเกี่ยวกับเหตุการณ์หรือเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในรูปนั้นๆ ด้วย

ตัวอย่างเช็ตการ์ดงานภาพ (ภาพจาก: https://jp.mercari.com/item/m75639207646)

หลักๆ ก็มีประมาณนี้ครับ แล้วคำถามก็คือ.. เราจะหาการ์ดพวกนี้ได้จากไหน? การ์ดนั้นสามารถหาได้จากการเล่นเกมปกติเลยครับ แต่เราจะต้องเลือกโหมดที่เล่นแล้วได้การ์ดเท่านั้นนะ โดยโหมดที่จะได้รับการ์ดหลังเกมจบก็มีดังนี้...

- CARD START 1 STAGE: เล่นแบบได้รับการ์ด 1 ใบหลังเกมจบ แต่สามารถเล่นได้แค่เพลงเดียวเท่านั้น (เหมาะสำหรับผู้ที่อยากเก็บการ์ดเร็วๆ)
- CARD START FULL STAGE: เหมือนกับ EXTRA START แต่จะได้รับการ์ด 1 ใบหลังเกมจบ (เล่นได้ 3 เพลง และ EXTRA STAGE อีกหนึ่งเพลง)

แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ตู้ Pop'n Music ในบ้านเรา (ซึ่งปัจจุบันมีให้บริการเพียงร้าน Let's Play ที่ห้าง MBK ที่เดียวเท่านั้น) ไม่มีโหมด CARD START ให้เลือกนะครับ มีเพียงแค่โหมดเล่นแบบธรรมดาที่ไม่ได้การ์ดเท่านั้น เพราะทาง Hahama ที่เป็นผู้นำเข้าและให้บริการตู้ Pop'n Music ในบ้านเราไม่ได้นำชุดการ์ดเข้ามาใส่ในตู้นั่นเอง (┬┬﹏┬┬)

นอกจากนี้ในบางโอกาส ทาง Konami ยังได้จัดทำเป็นรูปแบบอัลบั้มรวมการ์ดอีกด้วยนะ โดยภายในอัลบั้มแต่ละชุดจะมีเช็ตการ์ดที่กำหนดมาตายตัวแน่นอน นั่นหมายความว่าหากรวมรวบอัลบั้มเหล่านี้ได้ครบทุกชุดละก็.. ถ้าเป็นภาษาในวงการก็เรียกว่า "COMP" ไปโดยปริยายเลยนั่นเอง แต่อัลบั้มเหล่านี้หาได้จากการเล่นตู้เกมชิงรางวัล (พวก Crane Game) เท่านั้นนะ ไม่มีวางขายทั่วไป
มาถึงตรงนี้ บางท่านอาจจะบอกว่า มันก็คล้ายกับ Genesis Card ของ Sound Voltex ไม่ใช่เหรอ? คำตอบคือใช่ครับ แต่ "แหล่งกำเนิด" ของมันไม่เหมือนกันนะ...!

การ์ดของเกม Sound Voltex นั่นจะผลิตออกมาจากเครื่องพิมพ์ที่เรียกว่า Generator Real Model ที่ติดตั้งอยู่ข้างตู้ ซึ่งตัวการ์ดนั้นจะเป็นกระดาษเปล่าชนิดพิเศษที่ถูกนำมาพิมพ์ให้เป็นรูปการ์ดผ่านเครื่องพิมพ์โดยตรงเลย

ส่วนการ์ดของ Pop'n Music นั่น จะเป็นการ์ดที่ผลิตออกมาจากโรงงาน แล้วนำมาใส่เข้าไปภายในตู้เกมอีกทีหนึ่งครับ ไม่ได้ปริ้นกันสดๆ แบบการ์ดของ Sound Voltex

สรุปแล้วก็คือ ถ้าหากป๊อปเปอร์ชาวไทยอยากได้การ์ดล่ะก็ มีเพียงทางเดียวเท่านั้นคือต้องบินไปเล่นตู้ที่ญี่ปุ่นเท่านั้นครับ เพราะทาง Hahama ไม่ได้นำการ์ดเข้ามาจำหน่ายด้วยนั่นเอง


พบกันใหม่คราวหน้าเมื่อมีโอกาส ขอให้ทุกท่านสนุกกับป๊อปปิน (^_<)☆

      peace!     

27 มีนาคม 2565

Red Alert 3 วิธีเปลี่ยนเป็นภาษาไทย

ตามปกติแล้วตัวเกม Red Alert 3 ที่ซื้อมาจาก Steam และ Origin นั้น (ทั้งแบบแยกและ Ultimate Collection) จะมีเฉพาะภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ ไม่มีภาษาอื่นๆ ให้เลือกแต่อย่างใด ทั้งๆ ที่ในสมัยก่อนที่ยังเคยมีแบบแผ่นวางขายอยู่นั้น ทาง EA เคยปล่อยตัวเกมเวอร์ชั่นภาษาไทยมาให้เลือกซื้อด้วย ซึ่งถ้าหากใครต้องการจะเปลี่ยนเป็นภาษาไทยละก็ เชิญได้เลยครับ

1. ดาวน์โหลดไฟล์ภาษาไทย แล้วทำการติดตั้งให้เรียบร้อย (ต้องติดตั้งให้ตรงภาคด้วยนะ)

Red Alert 3 ภาคหลัก
https://www.moddb.com/games/cc-red-alert-3/addons/cc-red-alert-3-v112-thai-language-pack

Red Alert 3: Uprising
https://www.moddb.com/games/red-alert-3-uprising/addons/cc-red-alert-3-uprising-v100-thai-language-pack

2. หลังจากที่ติดตั้งเสร็จแล้ว ต่อมาก็ให้ทำการตั้งค่า Parameter -ui ให้กับ Target Shortcut ของเกม

ซึ่งถ้าหากเป็นของ Steam ให้คลิกขวาที่ชื่อเกมจากรายชื่อเกมด้านซ้ายแล้วเลือก "คุณสมบัติ" (Properties)
จากนั้นกรอกค่า -ui ลงไปในช่อง "ตัวเลือกการเริ่ม" (Launch Options) แล้วกดปิดหน้าต่างได้เลย

3. เปิดตัวเกมขึ้นมาตามปกติ จะพบกับหน้าต่างเริ่มต้นก่อนเข้าไปในเกม (เป็นหน้าต่างเดียวกับตัว Autorun ของแผ่นแท้) ให้คลิกที่ "Set Language" แล้วทำการเปลี่ยนเป็นภาษาไทยได้เลย

เท่านี้ก็เรียบร้อยแล้วครับสำหรับขั้นตอนการเปลี่ยนเป็นภาษาไทย
อ้อ! อย่าลืมเปิด Subtitle ในหน้าตั้งค่าด้วยนะครับ (*^_^*)




ของแถม: RA3 QuickLoader แก้อาการโหลดนานก่อนเข้าเกม
https://www.gamereplays.org/community/Fix_Does_your_RA3_takes_too_long_to_startn_try_RA3_QuickLoader_-t1013524.html

1 มีนาคม 2565

[Mod] Red Alert: A Path Beyond เสียงไทย (02/05/2022 | v1.1)

แอดมินลองโหลดเกม Red Alert: A Path Beyond มาเล่นแล้วติดใจมากๆ เลยลองทำม็อดเสียงไทยออกมาดูเล่นๆ ครับ โดยใช้เสียงภาษาไทยในตำนานจากเกม Counter Strike ตัวอย่างเช่น...

ALT1="ซ้าย 25 อังเคิล-เบเคอ-วัน ซ้าย 25 ลด 50 ยิงเพื่อหวังผล เปลี่ยน"
ALT3="หน่วยที่ 2 ไปได้ระวังปีกเอาไว้ด้วย"
เสียงตอนซื้อ Volkov="ฉันพร้อมแล้วเพื่อนเอ๋ย พร้อมจะลุยกันมานานแล้ว ฮา ฮ่า โย่ว!!"

ส่วนเสียงประกาศต่างๆ (EVA) ใช้เสียงของระบบ Text-to-Speech ที่มีอยู่ใน Windows 10 และ 11 โดยเป็นเสียงของ MS Pattara ครับ



Download

วิธีติดตั้ง Mod
แตกไฟล์ทั้งหมดไปไว้ในโฟลเดอร์ C:\Program Files (x86)\W3D Hub\games\apb\release\data

*หากนำม็อดนี้ไปเผยแพร่ที่ไหน ก็ขอความกรุณาให้เครดิตกับผู้ทำม็อด (WindyDancer) ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ*


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

Changelog:
02/05/2022 | v1.1
- แก้ไขเสียง "ฐานแม่ของเราถูกทำลายแล้ว" เป็น "ฐานแม่ของฝ่ายพันธมิตรถูกทำลายแล้ว"
07/03/2022 | v1.0
- เวอร์ชั่นแรก

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

Special Thanks
- Lhong @ Thaigaming สำหรับเสียงพากษ์ไทยจากหนังเรื่องต่างๆ
- ม็อด Counter-Strike Thai ! Beta 1.5 "ปฎิบัติการดับแผนกองโจร" จากเว็บ Thaigaming (ปัจจุบันเว็บนี้ปิดตัวไปแล้ว)

โปรแกรมที่แอดมินใช้ในการทำม็อด
- เสียง Pattara จากฟังชั่น Voice Narrator ของ Windows 10
- Notepad สำหรับให้ Pattara อ่านออกเสียงข้อความที่พิมพ์ลงไปอีกที
- Nero WaveEditor สำหรับบันทึกและตัดต่อเสียง
- XCC และ W3DEx สำหรับแกะไฟล์เสียงต้นฉบับจากตัวเกม (ทำให้ทราบว่าไฟล์ไหนคือเสียงของอะไร)

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ส่วนใครที่ไม่รู้จักเกมนี้ Red Alert: A Path Beyond (APB) เป็นเกมที่ใช้พื้นฐานของตัวเกมมาจาก Command & Conquer: Renegade เป็นตัวพัฒนา แล้วเกม Renegade นี้มีรูปแบบการเล่นอย่างไรล่ะ?

C&C ในภาคนี้จะมีการเปลี่ยนแนวการเล่นไปเป็นแบบเดินยิงมุมมองบุคคลที่ 1 หรือ FPS (First Person Shooting) และยังสามารถปรับมุมมองเป็นแบบบุคคลที่ 3 หรือ TPS (Third Person Shooting) ได้อีกด้วย (มองตัวละครเราจากด้านหลัง) ซึ่งต่างจากภาคอื่นๆ ที่เป็นแบบวางแผนการรบ หรือ RTS (Real-Time Stategy) ตัวเกมจะมีลักษณะเดินยิงแล้วเก็บอาวุธ โดยภายในเกมเราจะรับบทเป็น Havoc ซึ่งเป็นหน่วย Commando ของฝ่าย GDI ที่จะต้องเข้าไปทำภารกิจต่างๆ ให้สำเร็จลุล่วง โดยคุณจะต้องปฏิบัติภารกิจร่วมกับหน่วยอื่นๆ ของฝ่าย GDI ซึ่งจะมีการเล่นในหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการขับรถถังและยานยนต์อื่นๆ เก็บอาวุธที่ได้จากศัตรูและบริหารอาวุธทุกชนิดที่เก็บได้ เพราะอาวุธแต่ละอย่างมีกระสุนจำนวนจำกัด แต่ก็สามารถเพิ่มกระสุนได้จากการเก็บอาวุธแบบเดียวกันซ้ำอีกครั้ง

และอย่างที่ได้บอกไปแล้วข้างต้นว่าเกม APB เป็นเกมที่สร้างมาโดยใช้พื้นฐานของตัวเกมจาก Renegade ซึ่งตัวเกมจะเป็นแบบ Standalone หรือก็คือเกมตัวเต็มที่ไม่ต้องการเกมต้นฉบับอย่าง Renegade ก็สามารถเล่นได้เลยนั่นเอง และแน่นอนว่าเกมนี้เราไม่ต้องหา Serial หรือซื้อเกมชุด Command & Conquer: The Ultimate Collection จาก Origin ก็สามารถโหลดมาเล่นได้แบบฟรีๆ เลยครับ



หากใครสนใจก็เชิญลองโหลดมาลุยกันได้เลยครับที่ลิงค์นี้
https://w3dhub.com/forum/files/file/10-w3d-hub-launcher/

หลังจากที่ติดตั้งโปรแกรมเสร็จแล้ว ก็ทำการโหลดตัวเกมผ่าน W3D Hub Launcher ได้เลยครับ ส่วนการเข้าเกมจะมีปุ่มให้เลือกเข้าเล่นอยู่ 2 ปุ่ม ซึ่งมีความเหมายดังนี้
- Play Now คือการเล่น Online กับคนทั่วโลก ผ่านเซิร์ฟเวอร์ที่มีในระบบ ซึ่งมีอยู่เพียงเซิร์ฟเวอร์เดียว (หากเป็นการเข้าเล่นครั้งแรกจะต้องทำการตั้งชื่อผู้เล่นก่อนด้วยนะครับ)
- Single Player คือการเล่นผ่านระบบ LAN หรือเล่นคนเดียวกับบอท

ในส่วนของโหมด Online นั้น เมื่อเราเข้าเกมจะไม่มี Lobby ให้รอคนเข้าห้องแต่อย่างใด แต่จะเป็นการเข้าร่วมสงครามในทันที โดยถ้าหากแผนที่ที่กำลังดำเนินการอยู่ ดำเนินไปแล้วกี่นาที เราก็จะเข้าไปร่วม ณ เวลาต่อจากนั้นเลย เช่น หากตอนที่กดเข้าเล่น แผนที่ที่กำลังดำเนินการอยู่นั้น ผ่านไปแล้ว 10 นาที เราก็จะเข้าไป ณ นาทีที่ 10 นั้นเลย ไม่มีการเล่นใหม่ตั้งแต่ต้น ซึ่งกว่าจะจบเกมหรือเปลี่ยนแผนที่ใหม่ ก็ต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแพ้หรือชนะ แต่ถ้าไม่สามารถล้มกันได้ก็จะดูที่เวลา ซึ่งหากหมดเวลาใครทำคะแนนได้มากที่สุดฝ่ายนั้นก็ชนะไป จึงจะสุ่มเปลี่ยนแผนที่ใหม่ให้เล่นกันครับ นอกจากนี้หากภายในเซิร์ฟเวอร์มีจำนวนผู้เล่นไม่ถึง 6 คน หรือเข้ามามีแค่เราคนเดียว ทางระบบจะใส่บอทเข้ามาให้ด้วย

และในส่วนของโหมด Single Player จะเป็นการเล่นผ่านระบบ LAN กับคนอื่นภายในวงแลน หรือจะเล่นกับบอทก็ได้ ซึ่งในโหมดนี้จะสามารถเลือกแผนที่ที่ต้องการเล่นเองได้อย่างอิสระ และถ้าหากจะเล่นกับบอทในโหมดนี้เราจะต้องพิมพ์คำสั่งเพิ่มบอทเอาเองนะครับ โดยหลังจากที่โหลดเข้ามาภายในเกมแล้วจะไม่มีใครในแม็พเลย เราจะต้องเพิ่มบอทด้วยการกด F8 แล้วพิมพ์คำสั่ง botcount 30 เพื่อใส่บอทจำนวน 30 ตัวเข้าไปในแผนที่ครับ (แนะนำแค่ 30 ตัว ถ้าอยากใส่มากกว่านั้นก็ทำได้นะ แต่เกมจะกระตุกมากๆ โดยเฉพาะจุดที่มีบอทปะทะกันเยอะๆ บางทีเฟรมตกลงมาเหลือแค่ 10-20 FPS กันเลยทีเดียว)

ส่วนรายชื่อแผนที่ที่รองรับบอทก็มีดังนี้ครับ

AS_Seamist
Bonsai
CamosCanyon
CanyonRiver
CoastalInfluence
Complex
Christmas2020
ChristmasFissure
GuardDuty
KeepOffTheGrass
Metro
NorthByNorthwest
PacificThreat
Pipeline
RidgeWar
RiverRaid
RockTrap
SwampOfIllusions
StormyValley
ToTheCore
Under
Volcano
Zama
Wasteland


หน้านี้แก้ไขล่าสุดเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2566