( ภาพจาก: https://en.wikipedia.org/wiki/Shoot_%27em_up )
ปัจจุบันในขณะที่เกมแนว Battle Royale, Action, และ RPG กำลังครองตลาดโลกโดยรวม แต่ในประเทศญี่ปุ่นยังมีแนวเกมอยู่แนวนึงที่ได้รับความนิยมอยู่อย่างไม่เสื่อมคลาย และยังคงมีการพูดถึงกันตามแหล่งโซเชียลต่างๆ ในญี่ปุ่นเช่น Twitter อยู่เสมอ ใช่แล้วที่เรากำลังพูดถึงเกมแนว Shmup หรือยานยิงนั่นเอง แต่ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ในขณะที่เกมเมอร์รุ่นใหม่(โดยเฉพาะในบ้านเรา)ต่างมองว่ามันเป็นแนวเกมที่ตายไปแล้ว ฉะนั้นวันนี้เราลองมาสำรวจกันดูดีกว่าว่าผ่านมา 30 กว่าปีแล้ว แต่ทำไมเกมยานยิงยังได้รับความนิยมในญี่ปุ่นอยู่
จบเกมได้เร็ว
อย่างที่ทราบกันว่าคนญี่ปุ่นส่วนมากโดยเฉพาะวัยทำงานมักจะใช้เวลาเล่นเกมไม่มากนัก เฉลี่ย 2 - 3 ชั่วโมงต่อวันเท่านั้น (ไม่นับรวมเกมมือถือ) และด้วยความที่ปัจจุบันเกมส่วนใหญ่มักจะใช้เวลาในการเล่นให้จบประมาณ 10 - 20 ชั่วโมงขึ้นไป เกมแนวนี้จึงตอบโจทย์กลุ่มคนที่มีเวลาน้อยทันที เพราะใช้เวลาเล่นเพียงแค่ 30 - 60 นาทีก็สามารถจบเกมได้แล้ว และด้วยความที่มันจบไวนี่เอง ทำให้เกมแนวนี้จึงมีความคุ้มค่าในการเล่นใหม่หรือ Replay Value ที่สูงกว่าเกมยาวๆ นั่นเอง เรียกได้ว่าเล่นซ้ำได้เรื่อยๆ ทุกวันไม่รู้สึกเบื่อเลยล่ะ (ส่วนตัวแอดมินพวกเกมยาวๆ เล่นจบแค่รอบเดียวก็เบื่อแล้วละครับ ถึงแม้ในบางเกมจะมีโหมด New Game+ ให้เริ่มเกมใหม่ด้วยเซฟเก่าได้ก็ตามเถอะ)
เล่นง่ายไม่ซับซ้อน แต่ท้าท้ายความสามารถ
ถึงแม้เกมแนวนี้จะมีวิธีการควบคุมที่เรียบง่ายสุดๆ เพียงแค่ยิงและเคลื่อนที่ไปเรื่อยๆ เท่านั้น แต่กลับแฝงไปด้วยความท้าท้ายระดับยากมหาโหด โดยเฉพาะเกมยานยิงแนว Bullet Hell หรือ Danmaku Shooting พูดง่ายๆ คือต้องอาศัยการฝึกฝนและความเคยชินเท่านั้นจึงจะสามารถเล่นจบแบบใช้คอนทินิวให้น้อยที่สุดหรือไม่ใช้เลยได้
ไม่ต้องแข่งกับใคร แข่งกับตัวเองเท่านั้น
ต่อจากข้อที่แล้ว ด้วยความท้าท้ายนี่เอง ทำให้ชาวญี่ปุ่นหลายคนติดอกติดใจรูปแบบการเล่นที่ง่ายแต่แสนเร้าใจนี้มาก และด้วยความที่มันเป็นเกมประเภท Singleplayer จึงไม่ต้องไปแข่งกับใครนอกจากความสามารถของตัวเองเท่านั้น และถึงแม้หลายเกมในปัจจุบันจะมีระบบ Online Leaderboards ที่เอาไว้จัดอันดับคะแนนเทียบกับผู้เล่นคนอื่นๆ แบบออนไลน์ได้ แต่ถ้าใครไม่ชอบแข่งขันก็เพียงแค่ตัดเน็ตก่อนเริ่มเกมหรือตั้งค่าตัวเกมให้ถูก Disqualify จากการโพสต์คะแนนลง Leaderboards (เช่น ปรับจำนวนตัวเริ่มต้นให้เป็นค่ามากกว่าค่าปกติ)ก็เป็นอันจบ
ราคาถูกว่าเกมแนวอื่น
ในขณะที่เกมแนวอื่นจะเริ่มต้นตั้งแต่ 1,200 - 1,600 บาทขึ้นไป (ยังไม่รวมค่า DLC และ Season Pass อีก(เพียบ)นะ) แต่ทว่าเกมแนวนี้กลับมีราคาเริ่มต้นถูกมากเพียงแค่ 200 - 500 บาทเท่านั้น ยิ่งถ้าเป็นช่วงเทศกาลลดราคาต่างๆ ด้วยละก็ บางเกมลดเหลือไม่ถึง 20 บาทเลยก็มี เรียกว่าถูกจนเหมือนแจกฟรีกันไปเลย
เล่นได้หลายเกม
สืบเนื่องจากข้อที่แล้ว ด้วยความที่เกมแนวนี้ส่วนใหญ่มีเรตราคาที่ไม่สูงนัก ทำให้สามารถซื้อพร้อมกันได้ครั้งละหลายๆ เกม ในขณะที่เกมแนวอื่นเต็มที่มากสุดก็แค่ประมาณ 2 เกมเท่านั้น (ในกรณีที่มีงบในการซื้อประมาณ 1,000 - 2,000 บาท) ประกอบกับใช้เวลาเล่นจบได้ไม่นาน ทำให้พอเล่นจบเกมนึงปุ๊บ ก็เปลี่ยนไปเล่นเกมต่อไปที่ซื้อมาได้ทันที และเล่นวนไปได้เรื่อยๆ
เกมส่วนใหญ่ไม่มี DLC
ในปัจจุบันที่เกมส่วนใหญ่เปลี่ยนมาเน้นออกภาคเสริมหรือ DLC กันหมดแล้ว แต่เกมแนวนี้ส่วนมากกลับยังคงเน้นขายเฉพาะตัวเกมหลักอย่างเดียวมากกว่าอยู่ ความจริงไม่ใช่ว่ามันไม่มีเลย แต่มีน้อยมาก โดยเท่าที่ทราบมาตอนนี้มีอยู่เพียงแค่ 2 เกมเท่านั้นที่เน้นขาย DLC เพิ่มเติมจากตัวเกมหลักคือ Darius Burst: Chronicle Saviours ที่ยังคงมีการออก Season Pass เป็นยานรับเชิญจากเกมอื่นๆ อยู่ กับ Trouble Witches Origin ที่จนถึงปัจจุบันเกมวางจำหน่ายมา 3 ปีแล้วแต่ก็ยังคงมีการอัปเดตตัวละครใหม่ออกมาให้ซื้อกันอยู่เรื่อยๆ (แม้จะไม่ได้ออกถี่จนตามซื้อไม่ทันแบบ Darius Burst ก็ตาม)
กินเนื้อที่ใน HDD ไม่เยอะ
HDD ในที่นี้รวมถึงพื้นที่ HDD บนเครื่องคอนโซล (PS4 กับ Nintendo Switch) ด้วยนะ โดยส่วนใหญ่จะใช้พื้นที่ในการติดตั้งต่อเกมเพียงแค่ 300 MB - 5 GB เท่านั้น ในขณะที่เกมแนวอื่นๆ นั้นจะเริ่มต้นที่ 40 - 50 GB ขึ้นไปแทบทั้งสิ้น จึงทำให้สามารถติดตั้งไว้ได้หลายเกมพร้อมกันโดยไม่ต้องลบเกมใดเกมหนึ่งออกให้เสียเวลา
ด้วยเหตุผลทั้งหมดทั้งมวลนี้เอง ทำให้เกมยานยิงยังเป็นแนวเกมที่ชาวญี่ปุ่นยังคงนิยมเล่นกันอยู่เป็นจำนวนมาก ไม่แพ้แนวที่เติบโตมาด้วยกันในยุคเกมอาเคตครองเมืองอย่าง Fighting และ Rhythm เลย และในครั้งต่อไปเราจะมาวิเคราะห์กันว่า "ทำไมเกมแนวยานยิงถึงไม่ได้รับความนิยมในบ้านเรา" รอติดตามอ่านกันได้เลยครับผม